ไวพจน์ของจตุราริยสัจ (อีกนัยหนึ่ง)ทรงแสดงด้วยคำว่า สักกายะ
(ทรงแสดงด้วยคำว่า สักกายะ)
ภิกษุ ท. ! เราจะแสดง ซึ่งสักกายะ สักกายสมุทัย สักกายนิโรธและสักกายนิโรธคามินีปฏิปทา แก่พวกเธอ. เธอทั้งหลาย จงฟังความข้อนั้น.
ภิกษุ ท. ! สักกายะ เป็นอย่างไรเล่า ? ควรจะกล่าวว่าได้แก่ อุปาทานขันธ์ห้า. อุปาทานขันธ์ห้าเหล่าไหนเล่า ? อุปาทานขันธ์ห้าคือ รูปูปาทานขันธ์ เวทนูปาทานขันธ์ สัญญูปาทานขันธ์ สังขารูปาทานขันธ์ วิญญาณูปาทานขันธ์. ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า สักกายะ.
ภิกษุ ท. ! สักกายสมุทัย เป็นอย่างไรเล่า ? คือ ตัณหาอันเป็นเครื่องทำให้มีการเกิดอีก ประกอบด้วยความกำหนัดเพราะอำนาจความเพลิน มีปกติทำให้เพลินอย่างยิ่งในอารมณ์นั้น ๆ ; ได้แก่ตัณหาเหล่านี้ คือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา. ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า สักกายสมุทัย.
ภิกษุ ท. ! สักกายนิโรธ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ ความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือ ความสละทิ้ง ความสลัดคืน ความปล่อย ความทำไม่ให้มีที่อาศัย ซึ่งตัณหานั้นนั่นแหละ. ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า สักกายนิโรธ.
ภิกษุ ท. ! สักกายนิโรธคามินีปฏิปทา เป็นอย่างไรเล่า ? คือ หนทางอันประเสริฐ ซึ่งประกอบด้วยองค์แปดประการ กล่าวคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า สักกายนิโรธคามินีปฏิปทา, ดังนี้แล.