(ในสูตรนี้ได้ตรัสสิ่งเป็นที่ตั้งแห่งความยึดถือนอกไปจากดินน้ำไฟลมอีก คือภูตสัตว์ เทพ ปชาบดี พรหม อาภัสสรพรหม สุภกิณหพรหม เวหัปผลพรหม อภิภู อากาสานัญจายตนะ ฯลฯ เนวสัญญานาสัญญายตนะ สิ่งที่เห็นแล้ว-ฟังแล้ว-รู้สึก-รู้แจ้งแล้ว เอกภาวะ นานาภาวะ สิ่งทั้งปวง และนิพพาน).
พระอเสขะ คือ ผู้ที่ไม่ยึดถือแม้ในนิพพาน
ภิกษุ ท. !  ภิกษุใด เป็นพระอรหันต์ผู้สิ้นอาสวะแล้วอยู่จบพรหมจรรย์ทำกิจที่ต้องทำสำเร็จแล้ว  มีภาระอันปลงลงแล้ว  มีประโยชน์ของตนอันตามบรรลุถึงแล้ว  มีสังโยชน์ในภพสิ้นไปรอบแล้ว  เป็นผู้หลุดพ้นแล้ว  เพราะรู้โดยชอบ,  ภิกษุแม้นั้น  ก็ย่อม  รู้ชัดแจ้ง  ซึ่งนิพพาน  โดยความเป็นนิพพาน ;  เมื่อรู้ชัดแจ้ง  ซึ่งนิพพาน  โดยสักแต่ว่า  เป็นนิพพานแล้ว,  ย่อม  ไม่เป็นผู้หมายมั่น  ซึ่งนิพพาน ;  ไม่หมายมั่น  ในนิพพาน ;  ไม่หมายมั่น  โดยความเป็นนิพพาน ; ไม่หมายมั่นว่า‘นิพพานเป็นของเรา’ ดังนี้ ;  จึงไม่เป็นผู้เพลิดเพลิน  ซึ่งนิพพาน.  ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?  เราขอตอบว่า  “เพราะว่า นิพพาน  เป็นสิ่งที่ภิกษุผู้อรหันต์ขีณาสพนั้นได้รู้รอบแล้ว” ดังนี้แล.
      
