พระสุตตันตปิฎกไทย: 32/89/35

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
เล่ม 32
หน้า 89
มหากัจจายนเถราปทานที่ ๓ (๓๓) ว่าด้วยผลแห่งการทาทองพระเจดีย์
[๓๕] เราได้ให้ทำแผ่นศิลาไว้แล้ว ได้เอาทองฉาบทาพระเจดีย์ชื่อปทุม ของพระ ผู้มีพระภาคผู้เป็นที่พึ่งของโลกพระนามว่าปทุมุตระ และได้กั้นฉัตรอัน สำเร็จด้วยแก้ว แล้วเอาพัดวาลวิชนีพัดถวายพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าพันธุ์ ของโลก ผู้คงที่ ภูมเทวดามีประมาณเท่าไร มาประชุมกันทั้งหมดในเวลา นั้น ด้วยความหวังว่า พระศาสดาจักตรัสผลแห่งอาสนะและฉัตรแก้ว พวกเราจักฟังพระศาสดาตรัสทั้งหมดนั้น พึงยังความร่าเริงให้เกิดอย่างยิ่ง ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสยัมภูผู้อัครบุคคลประทับนั่งบน อาสนะทองแล้ว แวดล้อมด้วยภิกษุสงฆ์ ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า ผู้ใด ได้ถวายอาสนะอันสำเร็จด้วยทองและแก้วนี้ เราจักพยากรณ์ผู้นั้น ท่าน ทั้งหลายจงฟังเรากล่าว ผู้นั้นจักเป็นจอมเทวดาเสวยเทวรัชสมบัติอยู่ ๓๐ กัลป จักมีรัศมีแผ่ไปโดยรอบตลอดร้อยโยชน์ มาสู่มนุษยโลกแล้ว จัก ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าปภัสสระ จักเป็นผู้มีเดชอันรุ่งเรือง จักได้เป็นกษัตริย์ มีรัตนะ ๘ ประการ โชติช่วงอยู่โดยรอบ ทั้งกลางคืน กลางวัน ดังพระอาทิตย์อุทัยฉะนั้น ในกัลปที่แสน พระศาสดามีพระนาม ชื่อว่าโคดมซึ่งมีสมภพในวงศ์พระเจ้าโอกกากราช จักเสด็จอุบัติในโลก ผู้นั้นอันกุศลมูลตักเตือนแล้ว จักเคลื่อนจากภพดุสิต จักเป็นบุตร พราหมณ์ มีนามชื่อว่ากัจจานะ ภายหลัง เขาบวชแล้วจักตรัสรู้ ไม่มี อาสวะอยู่ พระโคดมผู้ส่องโลกให้โชติช่วงจักทรงตั้งไว้ในตำแหน่งอันเลิศ ผู้นั้น จักกล่าวปัญหาที่ถูกถามแล้วโดยย่อให้พิสดาร และเมื่อกล่าวปัญหา นั้น จักยังอัธยาศัยให้เต็ม พราหมณ์ผู้เป็นอภิชาตบุตรในสกุลอันมั่งคั่ง