พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/89/151 152

สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
เล่ม 14
หน้า 89
โลกหน้าให้แจ่มแจ้งเพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในโลกมีอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล สัตบุรุษ ชื่อว่า เป็นผู้มีความเห็นอย่างสัตบุรุษ ฯ
[๑๕๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษย่อมให้ทานอย่างสัตบุรุษอย่างไร คือสัตบุรุษใน โลกนี้ ย่อมให้ทานโดยเคารพ ทำความอ่อนน้อมให้ทาน ให้ทานอย่างบริสุทธิ์ เป็นผู้มีความ เห็นว่ามีผล จึงให้ทาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แลสัตบุรุษชื่อว่าย่อมให้ทานอย่างสัตบุรุษ ฯ
[๑๕๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษนั่นแหละ เป็นผู้ประกอบด้วยธรรมของสัตบุรุษ อย่างนี้ ภักดีต่อสัตบุรุษอย่างนี้ มีความคิดอย่างสัตบุรุษอย่างนี้ มีความรู้อย่างสัตบุรุษอย่างนี้ มีถ้อยคำอย่างสัตบุรุษอย่างนี้ มีการงานอย่างสัตบุรุษอย่างนี้มีความเห็นอย่างสัตบุรุษอย่างนี้ ให้ทานอย่างสัตบุรุษอย่างนี้แล้ว เมื่อตายไป ย่อมบังเกิดในคติของสัตบุรุษ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คติของสัตบุรุษคืออะไร คือ ความเป็นผู้มีตนควรบูชาในเทวดา หรือความเป็นผู้มีตนควรบูชา ในมนุษย์ ฯ พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระภาษิตนี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นต่างชื่นชมยินดีพระภาษิตของ พระผู้มีพระภาคแล ฯ จบ จูฬปุณณมสูตร ที่ ๑๐ จบ เทวทหวรรค ที่ ๑ ________________________________________ หัวข้อเรื่องของเทวทหวรรคนั้น ดังนี้ ๑. เรื่องเทวทหะ ๒. เรื่องปัญจัตตยะ ๓. เรื่องสำคัญอย่างไร ๔. เรื่องนิครนถ์ ๕. เรื่องพยากรณ์อรหัตตผล ๖. เรื่องแคว้นกุรุ ๗. เรื่อง พราหมณ์คณกะ ๘. เรื่องพราหมณ์ โคปกะ ๙. และ ๑๐. เรื่องวันเพ็ญสอง วัน รวมเป็นวรรคสำคัญชื่อเทวทหวรรค ที่ ๑ ฯ _____________________________________________