พระสุตตันตปิฎกไทย: 21/8/9
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
นี้ ๔ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลายเราไม่เห็นนิมิตนี้ว่า สมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร
พรหม หรือใครๆ ในโลกจักทักท้วงเราโดยคำมีเหตุผลในธรรมเหล่านี้ว่า ท่านปฏิญาณว่าเป็นพระ
สัมมาสัมพุทธะ ธรรมเหล่านี้ยังไม่ตรัสรู้แล้ว เมื่อเราไม่เห็นนิมิตแม้นี้ย่อมเป็นผู้ถึงความเกษม
ถึงความไม่มีภัย ถึงความแกล้วกล้าอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราไม่เห็นนิมิตนี้ว่า สมณะ พราหมณ์
เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ ในโลกจักทักท้วงเราโดยคำมีเหตุผลในธรรมเหล่านี้ว่า ท่าน
ปฏิญาณว่าเป็นพระขีณาสพอาสวะเหล่านี้ของท่านยังไม่สิ้นแล้ว เมื่อเราไม่เห็นนิมิตแม้นี้ ย่อมเป็น
ผู้ถึงความเกษม ถึงความไม่มีภัย ถึงความแกล้วกล้าอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราไม่เห็นนิมิตนี้ว่า
สมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ ในโลก จักทักท้วงเราด้วยคำมีเหตุผลในธรรม
เหล่านี้ว่า ท่านกล่าวธรรมเหล่าใดว่า ทำอันตรายธรรมเหล่านั้นไม่อาจทำอันตรายแก่ผู้ซ่องเสพได้จริง
เมื่อเราไม่เห็นนิมิตแม้นี้ย่อมเป็นผู้ถึงความเกษม ถึงความไม่มีภัย ถึงความแกล้วกล้าอยู่ ดูกรภิกษุ
ทั้งหลายเราไม่เห็นนิมิตนี้ว่า สมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ ในโลก
จักทักท้วงเราด้วยคำมีเหตุผลในธรรมเหล่านี้ว่า ท่านแสดงธรรมเพื่อประโยชน์อย่างใด ประโยชน์
อย่างนั้นไม่เป็นทางสิ้นทุกข์โดยชอบแก่บุคคลผู้ทำตาม เมื่อเราไม่เห็นนิมิตแม้นี้ ย่อมเป็นผู้ถึงความ
เกษม ถึงความไม่มีภัย ถึงความแกล้วกล้าอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตประกอบด้วยเวสารัชช
ญาณเหล่าใดปฏิญาณฐานะแห่งผู้เป็นโจก บันลือสีหนาทในบริษัท ประกาศพรหมจักร เวสารัชช
ญาณของตถาคตมี ๔ ประการนี้แล ฯ
วาทะเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่เขาตระเตรียมไว้มาก และ
สมณพราหมณ์ทั้งหลายอาศัยวาทะใด วาทะเหล่านั้นมาถึง
พระตถาคตผู้แกล้วกล้า ผู้ล่วงวาทะเสียได้ ย่อมหายไป
ผู้ใดครอบงำธรรมจักรอันเป็นโลกุตตรประกาศแล้ว มีปรกติ
อนุเคราะห์สัตว์ทั่วหน้า สัตว์ทั้งหลายย่อมนมัสการผู้เช่นนั้น
ผู้ประเสริฐกว่าเทวดาและมนุษย์ ผู้ถึงฝั่งแห่งภพ ฯ
จบสูตรที่ ๘
ตัณหาสูตร
[๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตัณหาเมื่อจะเกิดขึ้นแก่ภิกษุ ย่อมเกิดขึ้นในที่ใด ที่นั้น
ให้ชื่อว่าเป็นที่เกิดขึ้นแห่งตัณหา ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน คือตัณหาเมื่อจะเกิดขึ้นแก่