พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/78/72 73
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสถามท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์ ใครนั่นมีเสียงอื้ออึงเหมือน
ชาวประมงแย่งปลากัน ท่านพระอานนท์กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญภิกษุประมาณ ๕๐๐
รูป มีพระยโสชะเป็นประมุขเหล่านี้ เดินทางมาถึงพระนครสาวัตถีโดยลำดับ เพื่อจะเฝ้าพระผู้มี
พระภาค ก็ภิกษุผู้อาคันตุกะเหล่านั้น ปราศรัยอยู่กับภิกษุทั้งหลายผู้เป็นเจ้าถิ่น ปูลาดเสนาสนะ
เก็บบาตรและจีวรกันอยู่ส่งเสียงอื้ออึง พระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรอานนท์ ถ้าเช่นนั้น เธอจงเรียกภิกษุเหล่านั้นมาตามคำของเราว่า พระศาสดา
รับสั่งหาท่านทั้งหลาย ท่านพระอานนท์ทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว เข้าไปหาภิกษุเหล่านั้นถึงที่อยู่
ครั้นแล้วได้กล่าวกะภิกษุเหล่านั้นว่าพระศาสดารับสั่งหาท่านทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นรับคำท่าน
พระอานนท์แล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วได้นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้าง
หนึ่ง พระผู้มีพระภาคตรัสถามภิกษุเหล่านั้นว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุไรหนอ เธอทั้งหลาย
จึงส่งเสียงอื้ออึงเหมือนชาวประมงแย่งปลากัน ฯ
[๗๒] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสถามอย่างนี้แล้ว ท่านพระยโสชะได้กราบทูลพระผู้มี
พระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุประมาณ ๕๐๐ รูปเหล่านี้เดินทางมาถึงพระนครสาวัตถี
โดยลำดับ เพื่อจะเฝ้าพระผู้มีพระภาค ภิกษุผู้อาคันตุกะเหล่านี้ปราศรัยกับภิกษุทั้งหลายผู้เป็น
เจ้าถิ่น ปูลาดเสนาสนะ เก็บบาตรและจีวรกันอยู่ส่งเสียงอื้ออึง พระเจ้าข้า ฯ
พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงไป เราประณามเธอทั้งหลายเธอทั้งหลายไม่ควร
อยู่ในสำนักของเรา ฯ
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว ลุกจากอาสนะ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค
กระทำประทักษิณแล้ว เก็บเสนาสนะ ถือบาตรและจีวรหลีกจาริกไปทางวัชชีชนบท เที่ยวจาริก
ไปในวัชชีชนบทโดยลำดับ ถึงแม่น้ำวัคคุมุทานที กระทำกุฎีมุงบังด้วยใบไม้ เข้าจำพรรษาอยู่
ใกล้ฝั่งแม่น้ำวัคคุมุทานที ฯ
[๗๓] ครั้งนั้นแล ท่านพระยโสชะเข้าจำพรรษาแล้ว เรียกภิกษุทั้งหลายมาว่า ดูกร
ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคทรงใคร่ประโยชน์ ทรงแสวงหาประโยชน์ ทรงอนุเคราะห์
ทรงอาศัยความอนุเคราะห์ ประณามเราทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคพึงทรงใคร่ประโยชน์แก่เรา
ทั้งหลายผู้อยู่ด้วยประการใด ขอเราทั้งหลายจงสำเร็จการอยู่ด้วยประการนั้นเถิด ภิกษุเหล่านั้นรับ
คำท่านพระยโสชะแล้ว ครั้งนั้นแล ภิกษุเหล่านั้นหลีกออกจากหมู่ ไม่ประมาท มีความเพียร
มีใจเด็ดเดี่ยวอยู่ ทุกๆ รูปได้ทำให้แจ้งซึ่งวิชชา ๓ ภายในพรรษานั้นเอง ฯ