พระสุตตันตปิฎกไทย: 11/77/74
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
ข้อนั้นเป็นไปไม่ได้เลย พระเจ้าข้า ฯ
ดูกรสารีบุตร ก็เธอไม่มีเจโตปริยญาณในพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีในอดีต อนาคต
และปัจจุบันเหล่านั้น เหตุไฉน เธอจึงหาญกล่าวอาสภิวาจาอัน ประเสริฐนี้ บันลือสีหนาทซึ่ง
เธอถือเอาโดยเฉพาะว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคอย่างนี้ว่า
ทั้งอดีต อนาคต และปัจจุบัน ไม่มี สมณะหรือพราหมณ์อื่น ที่จะมีความรู้ยิ่งไปกว่าพระผู้มี
พระภาคในทางพระสัม โพธิญาณ ฯ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถึงว่าข้าพระองค์จะไม่มีเจโตปริยญาณในพระอรหันต สัมมา
สัมพุทธเจ้าที่มีในอดีต อนาคต และปัจจุบันก็จริง แต่ข้าพระองค์ก็ทราบ อาการที่เป็นแนวของ
ธรรมได้ เปรียบเหมือนเมืองชายแดนของพระราชา มีป้อม แน่นหนา มีกำแพงและเชิงเทินมั่นคง
มีประตูๆ เดียว คนยามเฝ้าประตูที่เมือง นั้นเป็นบัณฑิต เฉียบแหลม มีปัญญา คอยห้ามคน
ที่ตนไม่รู้จัก ยอมให้แต่คนที่รู้จักเข้าไป เขาเที่ยวตรวจดูทางแนวกำแพงรอบๆ เมืองนั้น
ไม่เห็นที่ต่อหรือช่อง กำแพง โดยที่สุดแม้พอแมวลอดออกมาได้ จึงคิดว่า สัตว์ที่มีร่างใหญ่
จะเข้ามาสู่ เมืองนี้หรือจะออกไป สัตว์ทั้งหมดสิ้น จะต้องเข้าออกทางประตูนี้เท่านั้น ฉันใด
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ก็ทราบอาการที่เป็นแนวของธรรมได้ ฉันนั้นพระผู้มีพระภาค
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้มีแล้วในอดีตทั้งสิ้น ล้วนทรงละนิวรณ์ ๕ อันเป็นเครื่องเศร้าหมองใจ
ทอนกำลังปัญญา ล้วนมีพระมนัสตั้งมั่นแล้วใน สติปัฏฐาน ๔ เจริญสัมโพชฌงค์ ๗ ตามเป็นจริง
จึงได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ แม้พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งจักมีใน
อนาคตทั้งสิ้นก็จักต้องทรงละนิวรณ์ ๕ อันเป็นเครื่องเศร้าหมองใจ ทอนกำลังปัญญา จักมี พระมนัส
ตั้งมั่นแล้วในสติปัฏฐาน ๔ ทรงเจริญสัมโพชฌงค์ ๗ ตามเป็นจริง จึงจะได้ ตรัสรู้พระอนุตร
สัมมาสัมโพธิญาณ ถึงแม้พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ บัดนี้ ก็ทรงละนิวรณ์ ๕
อันเป็นเครื่องเศร้าหมองใจ ทอนกำลังปัญญา มี พระมนัสตั้งมั่นแล้วในสติปัฏฐาน ๔ ทรงเจริญ
สัมโพชฌงค์ ๗ ตามเป็นจริง จึงได้ ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ข้าพระองค์เข้าไปเฝ้า
พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ เพื่อฟังธรรม พระองค์ทรงแสดงธรรมอย่างยอดเยี่ยม ประณีตยิ่งนัก
ทั้งฝ่ายดำ ฝ่ายขาว พร้อมด้วยอุปมาแก่ข้าพระองค์ พระองค์ทรงแสดงธรรมอย่างยอดเยี่ยม
ประณีตยิ่งนัก ทั้งฝ่ายดำฝ่ายขาว พร้อมด้วยอุปมาด้วยประการใดๆ ข้าพระองค์ก็รู้ ยิ่งในธรรมนั้น
ด้วยประการนั้นๆ ได้ถึงความสำเร็จธรรมบางส่วนในธรรมทั้งหลายแล้ว จึงเลื่อมใสในพระองค์ว่า