พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/75/78 79
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
สมาธิอันศีลอบรมแล้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ ปัญญาอันสมาธิอบรมแล้ว ย่อมมีผล
ใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ จิตอันปัญญาอบรมแล้ว ย่อมหลุดพ้นจากอาสวะโดยชอบ คือกามาสวะ
ภวาสวะ อวิชชาสวะ ฯ
[๗๘] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ตามความพอพระทัย ในบ้าน นาฬันทคาม
แล้วตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า ดูกรอานนท์ มาไปกันเถิด เราจักไปยังปาฏลิคาม
ท่านพระอานนท์ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว ลำดับนั้นพระผู้มีพระภาคพร้อมด้วย
ภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ เสด็จถึงปาฏลิคามแล้วพวกอุบาสกชาวปาฏลิคามได้สดับข่าวว่า พระผู้มี
พระภาคเสด็จถึงปาฏลิคามแล้ว จึงพากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว
ถวายบังคม พระผู้มีพระภาค นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นพวกอุบาสกชาวปาฏลิคามนั่ง เรียบร้อย
แล้ว จึงกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคจงทรง รับเรือนสำหรับพักของพวก
ข้าพระองค์เถิด พระผู้มีพระภาคทรงรับด้วยดุษณีภาพลำดับนั้น พวกอุบาสกชาวปาฏลิคามทราบ
การทรงรับของพระผู้มีพระภาคแล้ว จึงลุกจากอาสนะถวายบังคมพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณ
กลับไปยังเรือน สำหรับพัก ครั้นเข้าไปแล้วปูลาดเรือนสำหรับพักอย่างเรียบร้อยทั่วทุกแห่ง แต่ง
ตั้ง อาสนะ ตั้งหม้อน้ำไว้ ตามประทีปไว้แล้ว จึงกลับเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ครั้น
เข้าไปเฝ้าแล้วถวายบังคมพระผู้มีพระภาคยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วน ข้างหนึ่ง ครั้นพวกอุบาสกชาว
ปาฏลิคามยืนเรียบร้อยแล้ว จึงกราบทูลพระผู้มี พระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกข้าพระองค์
ปูลาดเรือนสำหรับพักอย่างเรียบร้อย ทั่วทุกแห่งแล้ว แต่งตั้งอาสนะไว้ ตั้งหม้อน้ำไว้ ตามประทีป
ไว้แล้ว ขอพระผู้มี พระภาคจงทรงทราบกาลอันควรในบัดนี้เถิด ฯ
ครั้งนั้น เวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงนุ่งแล้ว ทรงถือบาตรและจีวร พร้อมด้วยภิกษุ
สงฆ์เสด็จไปยังเรือนสำหรับพัก ครั้นเสด็จเข้าไปแล้ว ทรงล้าง พระบาทแล้ว เสด็จเข้าไปยังเรือน
สำหรับพัก ประทับนั่งพิงเสากลาง บ่ายพระพักตร์ ไปทางบูรพทิศ ฝ่ายภิกษุสงฆ์ล้างเท้าแล้ว
เข้าไปยังเรือนสำหรับพัก นั่งพิงฝาด้านหลัง บ่ายหน้าไปทางบูรพทิศแวดล้อมพระผู้มีพระภาค
ส่วนพวกอุบาสกชาวปาฏลิคาม ล้างเท้าแล้ว เข้าไปยังเรือนสำหรับพัก นั่งพิงฝาด้านหน้า บ่ายหน้า
ไปทางปัจฉิมทิศแวดล้อมพระผู้มีพระภาค ฯ
[๗๙] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะพวกอุบาสกชาวปาฏลิคามว่า ดูกรคฤหบดี
ทั้งหลาย โทษแห่งศีลวิบัติของคนทุศีล ๕ ประการเหล่านี้ ๕ ประการ เป็นไฉน ฯ