พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/74/283 284 285
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
เทวดาและมนุษย์ทั้งสองพวก ต่างก็พอใจอาหารด้วยกันทั้งนั้น เออ
ก็ผู้ที่ไม่พอใจอาหารชื่อว่ายักษ์โดยแท้ ฯ
[๒๘๓] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสตอบเสรีเทพบุตร ด้วยพระคาถาว่า
ชนเหล่าใดมีใจผ่องใส ให้ข้าวและน้ำด้วยศรัทธา ข้าวและน้ำนั้นแล
ย่อมพะนอเขาทั้งในโลกนี้และโลกหน้า เพราะเหตุนั้น สมควรเปลื้อง
ความเหนียวแน่นเสีย ครอบงำมลทินของใจเสีย พึงให้ทาน บุญเท่านั้น
ย่อมเป็นที่พึ่งของเหล่าสัตว์ในโลกหน้า ฯ
[๒๘๔] ส. น่าอัศจรรย์พระเจ้าข้า ไม่เคยมีมา พระเจ้าข้า พระดำรัสนี้ พระผู้มีพระภาค
ตรัสแจ่มแจ้งแล้ว
ชนเหล่าใดมีใจผ่องใส ให้ข้าวและน้ำด้วยศรัทธา ข้าวและน้ำนั้นแล
ย่อมพะนอเขาทั้งในโลกนี้และโลกหน้า เพราะเหตุนั้น สมควรเปลื้อง
ความเหนียวแน่นเสีย ครอบงำมลทินของใจเสีย พึงให้ทาน บุญ
เท่านั้นเป็นที่พึ่งของเหล่าสัตว์ในโลกหน้า ฯ
[๒๘๕] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เรื่องเคยมีมาแล้ว หม่อมฉันได้เป็น พระเจ้าแผ่นดิน
มีนามว่าเสรี เป็นทายก เป็นทานบดี เป็นผู้กล่าวชมการให้ทานที่ประตูทั้ง ๔ ด้าน หม่อมฉัน
ได้ให้ทานแก่สมณพราหมณ์ คนกำพร้า คนเดินทางไกล วณิพกและยาจกทั้งหลาย ครั้นต่อมา
พวกฝ่ายในพากันเข้าไปหาหม่อมฉัน ได้พูดปรารภขึ้นว่า พระองค์ทรงบำเพ็ญทาน แต่พวก
หม่อมฉันไม่ได้ให้ ทาน เป็นการชอบที่พวกหม่อมฉันจะได้อาศัยใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทให้ทาน
กระทำบุญบ้าง หม่อมฉันจึงคิดเห็นว่า เราเองก็เป็นทายก เป็นทานบดี เป็นผู้กล่าว ชมการ
ให้ทาน เมื่อมีผู้พูดว่า พวกหม่อมฉันจะให้ทาน เราจะว่าอะไร แล้วจึงมอบ ประตูด้านแรก
ให้แก่พวกฝ่ายในไป เขาพากันให้ทานในที่นั้น ทานของหม่อมฉันก็ลดไป ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ครั้นต่อมา พวกกษัตริย์พระราชวงศ์พากันเข้าไปหาหม่อมฉัน ได้พูดปรารภขึ้นว่า พระองค์ทรง
บำเพ็ญทาน พวกฝ่ายในก็บำเพ็ญทาน แต่พวกข้าพระพุทธเจ้าไม่ได้ให้ทาน เป็นการชอบที่
พวกข้าพระพุทธเจ้าจะได้อาศัยใต้ ฝ่าละอองธุลีพระบาทกระทำบุญบ้าง หม่อมฉันก็คิดเห็นว่า
เราเองก็เป็นทายก เป็นทานบดี เป็นผู้กล่าวชมการให้ทาน เมื่อมีผู้พูดว่า พวกข้าพระพุทธเจ้า
จะให้ทานเราจะ ว่าอะไร แล้วจึงมอบประตูด้านที่สองให้แก่พวกกษัตริย์พระราชวงศ์ไป พวก