พระสุตตันตปิฎกไทย: 21/67/61
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
ขยันหมั่นเพียร สั่งสมขึ้นด้วยกำลังแขน มีเหงื่อโทรมตัวประกอบในธรรม ได้มาโดยธรรม
นี้เป็นฐานะข้อที่ ๓ ที่อริยสาวกนั้นได้ถึงแล้วคือ ถึงแล้วโดยควรแก่เหตุ ได้บริโภคแล้วโดยควร
อีกประการหนึ่ง อริยสาวกย่อมยังทักษิณาอันมีผลในเบื้องบน ให้อารมณ์อันเลิศ มีสุขเป็นวิบาก
เป็นไปเพื่อเกิดในสวรรค์ ให้ตั้งไว้เฉพาะในสมณพราหมณ์ผู้งดเว้นจากความประมาทมัวเมาผู้ตั้งอยู่
ในขันติและโสรัจจะ ฝึกฝนตนผู้เดียว ยังตนผู้เดียวให้สงบ ยังตนผู้เดียวให้ดับกิเลส เห็นปานนั้น
ด้วยโภคทรัพย์ที่ตนหามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียรสั่งสมด้วยกำลังแขน มีเหงื่อโทรมตัว ประกอบ
ในธรรมได้มาโดยธรรม นี้เป็นฐานะข้อที่ ๔ ที่อริยสาวกนั้นได้ถึงแล้ว คือ ถึงโดยควรแก่เหตุ
ได้บริโภคแล้วโดยควร ดูกรคฤหบดี อริยสาวกนั้นชื่อว่าเป็นผู้กระทำกรรมอันสมควร ๔ ประการ
นี้ ด้วยโภคทรัพย์ที่ตนหามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร สั่งสมขึ้นด้วยกำลังแขนมีเหงื่อโทรมตัว
ประกอบในธรรม ได้มาโดยธรรม ดูกรคฤหบดี โภคทรัพย์ ของใครๆ ถึงความสิ้นไป นอกจาก
กรรมอันสมควร ๔ ประการนี้ เราเรียกว่าสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ สิ้นเปลืองไปโดยไม่สมควร
ใช้สอยโดยไม่สมควรแก่เหตุส่วนโภคทรัพย์ของใครๆ ถึงความสิ้นไปด้วยกรรมอันสมควร
๔ ประการนี้ เราเรียกว่า สิ้นเปลืองไปโดยเหตุอันควร สิ้นเปลืองไปโดยสถานที่ควร ใช้สอย
โดยสมควรแก่เหตุ
โภคทรัพย์ทั้งหลายเราได้บริโภคแล้ว คนที่ควรเลี้ยง เรา
ได้ เลี้ยงแล้ว เราได้ข้ามพ้นอันตรายทั้งหลายไปแล้ว
ทักษิณามีผลอันเลิศ เราได้ให้แล้ว อนึ่ง พลีกรรม
๕ ประการ เรา ได้กระทำแล้ว ท่านผู้มีศีล สำรวมอินทรีย์
ประพฤติพรหมจรรย์ เราได้บำรุงแล้ว บัณฑิตอยู่ครอบ
ครองเรือน พึงปรารถนาโภคทรัพย์ เพื่อประโยชน์ใด
ประโยชน์นั้นเราได้บรรลุแล้ว โดยลำดับ กรรมที่ไม่
เดือดร้อนในภายหลังเราได้กระทำแล้วนรชนผู้มีอันจะตาย
เป็นสภาพ เมื่อคำนึงถึงเหตุนี้ เป็นผู้ตั้ง อยู่แล้วในธรรม
ของพระอริยะ บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญ เขาในโลก
นี้ทีเดียว ครั้นเขาละไปแล้ว ย่อมบันเทิงใน โลกสวรรค์ ฯ
จบสูตรที่ ๑