พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/67/104
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
ไม่ประกอบเนืองๆ ซึ่งความเป็นผู้ตื่น ไม่มุ่งความเป็นสมณะ ไม่มีความเคารพ กล้าในสิกขา
มีความประพฤติมักมาก มีความปฏิบัติย่อหย่อน เป็นหัวหน้าในทางเชือนแช ทอดธุระในความ
สงัดเงียบ เกียจคร้าน ละเลยความเพียรหลงลืมสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่มั่นคง มีจิตรวนเร มี
ปัญญาทราม เป็นดังคนหนวก คนใบ้ พระโคดมผู้เจริญย่อมไม่อยู่ร่วมกับบุคคลจำพวกนั้น
ส่วนพวกกุลบุตรที่มีศรัทธา ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ไม่โอ้อวด ไม่มีมายา ไม่เป็น
คน เจ้าเล่ห์ ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ยกตน ไม่กลับกลอก ไม่ปากกล้า ไม่มีวาจาเหลวไหล คุ้มครอง
ทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย รู้จักประมาณในโภชนะ ประกอบเนืองๆ ซึ่งความเป็นผู้ตื่น มุ่งความ
เป็นสมณะ เคารพกล้าในสิกขา ไม่มีความประพฤติมักมาก ไม่มีความปฏิบัติย่อหย่อน ทอดธุระ
ในทางเชือนแช เป็นหัวหน้าในความสงัดเงียบ ปรารภความเพียร ส่งตนไปในธรรม ตั้งสติมั่น
รู้สึกตัวมั่นคง มีจิตแน่วแน่ มีปัญญา ไม่เป็นดังคนหนวก คนใบ้ พระโคดมผู้เจริญ ย่อม
อยู่ร่วมกับกุลบุตรพวกนั้น ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ เปรียบเหมือนบรรดาไม้ที่มีรากหอม เขากล่าว
กฤษณาว่าเป็นเลิศ บรรดาไม้ที่มีแก่นหอม เขากล่าวแก่นจันทน์แดงว่าเป็นเลิศ บรรดาไม้ที่มีดอก
หอม เขากล่าวดอกมะลิว่าเป็นเลิศฉันใด โอวาทของพระโคดมผู้เจริญ ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล
บัณฑิตกล่าวได้ว่าเป็นเลิศในบรรดาธรรมของครูอย่างแพะที่นับว่าเยี่ยม แจ่มแจ้งแล้ว
พระเจ้าข้าแจ่มแจ้งแล้ว พระเจ้าข้า พระโคดมผู้เจริญทรงประกาศธรรมโดยปริยายมิใช่น้อย เปรียบ
เหมือนหงายของที่คว่ำ หรือเปิดของที่ปิด หรือบอกทางแก่คนหลงทางหรือตามประทีปในที่มืด
ด้วยหวังว่า ผู้มีตาดีจักเห็นรูปทั้งหลายได้ ฉะนั้น ข้าพระองค์นี้ขอถึงพระโคดมผู้เจริญ พระธรรม
และพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะขอพระโคดมผู้เจริญ จงทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสก ผู้ถึง
สรณะตลอดชีวิตตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฯ
จบ คณกโมคคัลลานสูตร ที่ ๗
________________________________________