พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/66/255 256 257 258
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
[๒๕๕] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ชนเหล่าใด เป็นผู้เพ่งพินิจ ศึกษาตามในข้อสั่งสอน อันเรากล่าวไว้
แล้ว ชนเหล่านั้น ไม่ประมาทอยู่ในกาล ไม่พึงไปสู่อำนาจแห่งมัจจุ ฯ
ทีฆลัฏฐิสูตรที่ ๓
[๒๕๖] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน อันเป็นที่ ให้เหยื่อแก่กระแต
เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ทีฆลัฏฐิเทวบุตร เมื่อ ราตรีปฐมยามสิ้นไปแล้ว มีวรรณอันงาม
ยิ่งนัก ยังพระวิหารเวฬุวันทั้งสิ้นให้สว่าง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้ว
ก็ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ
[๒๕๗] ทีฆลัฏฐิเทวบุตร ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กล่าว คาถานี้ ใน
สำนักพระผู้มีพระภาคว่า
ภิกษุพึงเป็นผู้มีปกติเพ่งพินิจ มีจิตหลุดพ้นแล้ว พึงหวังความไม่เกิดขึ้น
แห่งหทัย รู้ความเกิดขึ้นและความเสื่อมไปแห่งโลกแล้ว มีใจดี อัน
ตัณหาและทิฐิไม่อิงอาศัยแล้ว มีคุณข้อนั้นเป็นอานิสงส์ ฯ
นันทนสูตรที่ ๔
[๒๕๘] นันทนเทวบุตร ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาค
ด้วยคาถาว่า
ข้าแต่พระโคดม ผู้มีพระปัญญากว้างขวาง ข้าพระองค์ขอทูลถามพระองค์
ถึงญาณทัสสนะ อันไม่เวียนกลับแห่งพระผู้มีพระภาค บัณฑิตทั้งหลาย
เรียกบุคคลชนิดไรว่า เป็นผู้มีศีล เรียกบุคคลชนิดไรว่า เป็นผู้มีปัญญา
บุคคลชนิดไรล่วงทุกข์อยู่ได้ เทวดาทั้งหลาย บูชาบุคคลชนิดไร ฯ