พระสุตตันตปิฎกไทย: 20/57/271 272 273 274 275      
      สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
      
     
 
    
        
          
            แสดงพระสุตตันตะที่มีอรรถอันนำไปแล้วว่า  พระสุตตันตะมีอรรถที่จะพึงนำไป ๑ ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้แลย่อมกล่าวตู่ตถาคต ดูกรภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้
ย่อมไม่กล่าวตู่ตถาคต๒ จำพวกเป็นไฉน คือ คนที่แสดงพระสุตตันตะที่มีอรรถจะพึงนำ
ไปว่า พระสุตตันตะมีอรรถที่จะพึงนำไป ๑ คนที่แสดงพระสุตตันตะที่มีอรรถอันนำไปแล้วว่า
 พระสุตตันตะมีอรรถอันนำไปแล้ว ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้แลย่อมไม่กล่าวตู่
ตถาคต ฯ
 [๒๗๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย คติ ๒ อย่าง คือ นรกหรือกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานอย่างใด
อย่างหนึ่ง อันผู้มีการงานลามกพึงหวังได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย คติ ๒ อย่าง คือเทวดาหรือมนุษย์
อย่างใดอย่างหนึ่ง อันผู้มีการงานไม่ลามกพึงหวังได้ ฯ
 [๒๗๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย คติ ๒ อย่าง คือ นรกหรือกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานอย่างใด
อย่างหนึ่ง อันคนมิจฉาทิฐิพึงหวังได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย คติ ๒ อย่าง คือ เทวดาหรือมนุษย์อย่างใด
อย่างหนึ่ง อันคนสัมมาทิฐิพึงหวังได้ ฯ
 [๒๗๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฐานะที่ต้อนรับคนทุศีลมี ๒ อย่าง คือนรกหรือกำเนิด
สัตว์ดิรัจฉาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฐานะที่ต้อนรับคนมีศีล ๒ อย่างคือ มนุษย์หรือเทวดา ฯ
 [๒๗๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราพิจารณาเห็นอำนาจประโยชน์ ๒ ประการ  จึงเสพ
เสนาสนะอันสงัด คือ ป่าและป่าเปลี่ยว อำนาจประโยชน์ ๒ ประการ เป็นไฉน คือ เห็นการ
อยู่สบายในปัจจุบันของตน ๑ อนุเคราะห์หมู่ชนในภายหลัง ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราเห็นอำนาจ
ประโยชน์ ๒ ประการนี้แล จึงเสพเสนาสนะอันสงัด คือ ป่าและป่าเปลี่ยว ฯ
 [๒๗๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างเป็นไปในส่วนแห่งวิชชา  ธรรม ๒ อย่าง
เป็นไฉน คือ สมถะ ๑ วิปัสสนา ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมถะที่ภิกษุเจริญแล้ว ย่อมเสวย
ประโยชน์อะไร ย่อมอบรมจิต จิตที่อบรมแล้ว ย่อมเสวยประโยชน์อะไร ย่อมละราคะได้
วิปัสสนาที่อบรมแล้วย่อมเสวยประโยชน์อะไร ย่อมอบรมปัญญา ปัญญาที่อบรมแล้ว ย่อม
เสวยประโยชน์อะไรย่อมละอวิชชาได้ ฯ