พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/55/78      
      สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
      
     
 
    
        
          
            ได้แล้ว  กำจัดโทษอันเป็นพิษคืออวิชชาได้แล้ว  จึงเป็นผู้มีใจน้อมไปในนิพพานโดยชอบ  นั่น
เป็นฐานะที่มีได้  เมื่อใจน้อมไปในนิพพานโดยชอบ  อยู่นั่นแล  เธอไม่ประกอบเนืองๆ  ซึ่ง
อารมณ์อันไม่เป็นที่สบายของใจอันน้อมไปในนิพพานโดยชอบแล้ว  ได้แก่  ไม่ประกอบเนืองๆ
ซึ่งทัสสนะคือรูปอันไม่เป็นที่สบายด้วยจักษุ  ไม่ประกอบเนืองๆ  ซึ่งเสียงอันไม่เป็นที่สบายด้วย
โสต  ไม่ประกอบเนืองๆ  ซึ่งกลิ่นอันไม่เป็นที่สบายด้วยฆานะ  ไม่ประกอบเนืองๆ  ซึ่งรส
อันไม่เป็นที่สบายด้วยชิวหา  ไม่ประกอบเนืองๆ  ซึ่งโผฏฐัพพะอันไม่เป็นที่สบายด้วยกาย  ไม่
ประกอบเนืองๆ  ซึ่งธรรมารมณ์อันไม่เป็นที่สบายด้วยมโน  เมื่อเธอไม่ประกอบเนืองๆ  ซึ่ง
ทัสสนะคือรูปอันไม่เป็นที่สบายด้วยจักษุ  ซึ่งเสียงอันไม่เป็นที่สบายด้วยโสต  ซึ่งกลิ่นอันไม่เป็นที่
สบายด้วยฆานะ  ซึ่งรสอันไม่เป็นที่สบายด้วยชิวหาซึ่งโผฏฐัพพะอันไม่เป็นที่สบายด้วยกาย
ซึ่งธรรมารมณ์อันไม่เป็นที่สบายด้วยมโนแล้ว  ราคะก็ไม่ตามกำจัดจิต  เธอมีจิตไม่ถูกราคะตาม
กำจัดแล้ว  ไม่พึงเข้าถึง  ความตาย  หรือทุกข์ปางตาย
	ดูกรสุนักขัตตะ  เราอุปมาเปรียบเทียบดังนี้  เพื่อให้รู้เนื้อความ  เนื้อความในอุปมานี้  คำว่า
แผล  เป็นชื่อของอายตนะภายใน  ๖  โทษคือพิษ  เป็นชื่อของอวิชชา  ลูกศร  เป็นชื่อของตัณหา
 เครื่องตรวจเป็นชื่อของสติ  ศาตรา  เป็นชื่อของปัญญาของพระอริยะ  หมอผ่าตัดเป็นชื่อ
ของตถาคตผู้ไกลจากกิเลส  ตรัสรู้เองโดย  ชอบแล้ว  ดูกรสุนักขัตตะ  ข้อที่ภิกษุนั้นทำความ
สำรวมในอายตนะอันที่เป็นกระทบ  ๖  อย่าง  รู้ดังนี้ว่า  อุปธิเป็นรากเหง้าแห่งทุกข์  จึงเป็นผู้
ปราศจากอุปธิพ้นวิเศษแล้วในธรรมเป็นที่สิ้นอุปธิ  จักน้อมกายหรือปล่อยจิตไปในอุปธิ  นั่นไม่
ใช่ฐานะที่มีได้  เปรียบเหมือนภาชนะมีน้ำดื่มเต็มเปี่ยม  ถึงพร้อมด้วยสี  ด้วยกลิ่น  ด้วยรส
แต่ระคนด้วยยาพิษ  เมื่อบุรุษผู้รักชีวิต  ยังไม่อยากตาย  ปรารถนาสุข  เกลียดทุกข์  พึงมาถึงเข้า
ดูกรสุนักขัตตะ  เธอสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน  บุรุษนั้นจะพึงดื่มน้ำที่เต็มเปี่ยมภาชนะนั้น
 ทั้งๆ  ที่รู้ว่า  ดื่มแล้วจะเข้าถึงความตายหรือทุกข์ปางตาย  บ้างไหมหนอ  ฯ
	สุ.  ข้อนี้หามิได้เลย  พระพุทธเจ้าข้า  ฯ
 [๗๘]  พ.  ดูกรสุนักขัตตะ  ฉันนั้นเหมือนกันแล  ข้อที่ภิกษุนั้นทำความสำรวมใน
อายตนะอันเป็นที่กระทบ  ๖  อย่าง  รู้ดังนี้ว่าอุปธิเป็นรากเหง้าแห่งทุกข์  จึงเป็นผู้ปราศจากอุปธิ