พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/53/77

สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
เล่ม 14
หน้า 53
ลูกศรคือตัณหานั้นได้แล้ว กำจัดโทษอันเป็นพิษคืออวิชชาได้แล้ว จึงเป็นผู้มีใจน้อมไปใน นิพพานโดยชอบ นั่นเป็น ฐานะที่มีได้ สิ่งที่เป็นผลเบื้องต้นพึงมีได้อย่างนี้ คือ เธอประกอบ เนืองๆ ซึ่งอารมณ์อันไม่เป็นที่สบายของใจอันน้อมไปในนิพพานโดยชอบ ได้แก่ประกอบ เนืองๆ ซึ่งทัสสนะคือรูปอันไม่เป็นที่สบายด้วยจักษุ ประกอบเนืองๆ ซึ่งเสียงอันไม่เป็นที่ สบายด้วยโสต ประกอบเนืองๆ ซึ่งกลิ่นอันไม่เป็นที่สบายด้วยฆานะประกอบเนืองๆ ซึ่ง รสอันไม่เป็นที่สบายด้วยชิวหา ประกอบเนืองๆ ซึ่งโผฏฐัพพะอันไม่เป็นที่สบายด้วยกาย ประกอบเนืองๆ ซึ่งธรรมารมณ์อันไม่เป็นที่สบายด้วยมโน เมื่อเธอประกอบเนืองๆ ซึ่ง ทัสสนะ คือ รูปอันไม่เป็นสบายด้วยจักษุ ซึ่งเสียงอันไม่เป็นที่สบายด้วยโสต ซึ่งกลิ่นอัน ไม่เป็นที่สบายด้วยฆานะ ซึ่งรสอันไม่เป็นที่สบายด้วยชิวหา ซึ่งโผฏฐัพพะอันไม่เป็นที่สบาย ด้วยกาย ซึ่งธรรมารมณ์อันไม่เป็นที่สบายด้วยมโนแล้ว ราคะพึงตามกำจัดจิตเธอมีจิตถูกราคะ ตามกำจัดแล้ว พึงเข้าถึงความตาย หรือทุกข์ปางตาย ดูกรสุนักขัตตะ ก็ความตายนี้ในวินัยของพระอริยะ ได้แก่ลักษณะที่ภิกษุบอกคืนสิกขา แล้วเวียนมาเพื่อหีนเพศ ส่วนทุกข์ปางตายนี้ ได้แก่ลักษณะที่ภิกษุต้องอาบัติมัวหมองข้อใด ข้อหนึ่ง ฯ
[๗๗] ดูกรสุนักขัตตะ ข้อที่ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ พึงมีความดำริ อย่างนี้ว่า พระสมณะตรัสลูกศรคือตัณหาไว้แล โทษอันเป็นพิษคืออวิชชา ย่อม งอกงามได้ด้วยฉันทราคะ และพยาบาท เราละลูกศรคือตัณหานั้นได้แล้ว กำจัดโทษ อันเป็นพิษคืออวิชชาได้แล้ว จึง เป็นผู้มีใจน้อมไปในนิพพานโดยชอบ นั่นเป็น ฐานะที่มีได้แล เมื่อใจน้อมไปในนิพพานโดย ชอบนั่นแล เธอไม่ประกอบเนืองๆซึ่งอารมณ์อันไม่เป็นที่สบายของใจอันน้อมไปในนิพพาน โดยชอบแล้ว ได้แก่ไม่ ประกอบเนืองๆ ซึ่งทัสสนะคือรูปอันไม่เป็นที่สบายด้วยจักษุ ไม่ประกอบ เนืองๆซึ่งเสียงอันไม่เป็นที่สบายด้วยโสต ไม่ประกอบเนืองๆ ซึ่งกลิ่นอันไม่เป็นที่สบายด้วย ฆานะ ไม่ประกอบเนืองๆ ซึ่งรสอันไม่เป็นที่สบายด้วยชิวหา ไม่ประกอบเนืองๆ ซึ่งโผฏฐัพพะ อันไม่เป็นที่สบายด้วยกาย ไม่ประกอบเนืองๆ ซึ่งธรรมา รมณ์อันไม่เป็นที่สบายด้วยมโน