พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/5/16 17 18 19 20
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
[๑๖] ธรรมทั้งหลาย อันชนพวกใดแทงตลอดดีแล้ว ชนพวกนั้น ย่อมไม่ถูก
จูงไปในวาทะของชนพวกอื่น บุคคลผู้รู้ดีทั้งหลาย รู้ทั่วถึงโดยชอบแล้ว
ย่อมประพฤติเสมอในหมู่สัตว์ผู้ประพฤติไม่เสมอ ฯ
สุสัมมุฏฐสูตรที่ ๘
[๑๗] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้กล่าว คาถานี้ในสำนัก
พระผู้มีพระภาคว่า
ธรรมทั้งหลายอันชนพวกใดลืมเลือนแล้ว ชนพวกนั้น ย่อมถูกจูงไปใน
วาทะของชนพวกอื่น ชนพวกนั้นชื่อว่ายังหลับไม่ตื่น(กาลนี้) เป็นกาล
ควรเพื่อจะตื่นของชนพวกนั้น ฯ
[๑๘] ธรรมทั้งหลาย อันชนพวกใดไม่ลืมเลือนแล้ว ชนพวกนั้นย่อมไม่ถูก
จูงไปในวาทะของชนพวกอื่น บุคคลผู้รู้ดีทั้งหลายรู้ทั่วถึงโดยชอบแล้ว
ย่อมประพฤติเสมอในหมู่สัตว์ผู้ประพฤติไม่เสมอ ฯ
มานกามสูตรที่ ๙
[๑๙] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้กล่าว คาถานี้ในสำนัก
พระผู้มีพระภาคว่า
ทมะย่อมไม่มีแก่บุคคลที่ปรารถนามานะ ความรู้ย่อมไม่มีแก่บุคคลที่มี
จิตไม่ตั้งมั่น บุคคลผู้เดียว เมื่ออยู่ในป่าประมาทแล้ว ไม่พึงข้ามพ้นฝั่ง
แห่งเตภูมิกวัฏอันเป็นที่ตั้งแห่งมัจจุได้ ฯ
[๒๐] บุคคลละมานะแล้ว มีจิตตั้งมั่นดีแล้ว มีจิตดี พ้นในธรรมทั้งปวงแล้ว
เป็นผู้เดียว เมื่ออยู่ในป่า ไม่ประมาทแล้วบุคคลนั้นพึงข้ามฝั่งแห่ง
เตภูมิกวัฏเป็นที่ตั้งแห่งมัจจุได้ ฯ