พระสุตตันตปิฎกไทย: 11/46/36
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
เพื่อความสุข สิ้นกาลนาน พ่อได้ฟังคำของสมณพราหมณ์เหล่านั้นแล้ว สิ่งใด เป็นอกุศล พึงละ
เว้นสิ่งนั้นเสีย สิ่งใดเป็นกุศลพึงถือมั่นสิ่งนั้นประพฤติ ดูกรพ่อ นี้แล คือจักกวัตติวัตรอัน
ประเสริฐนั้น ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท้าวเธอรับสนองพระดำรัสพระราชฤาษีแล้ว ทรง ประพฤติในจักกวัตติวัตร
อันประเสริฐ เมื่อท้าวเธอทรงประพฤติจักกวัตติวัตรอัน ประเสริฐอยู่ จักรแก้วอันเป็นทิพย์ซึ่งมี
กำพันหนึ่ง มีกง มีดุม บริบูรณ์ด้วย อาการทุกอย่าง ปรากฏมีแก่ท้าวเธอผู้สระพระเศียร ทรง
รักษาอุโบสถอยู่ ณ ปราสาทอันประเสริฐชั้นบน ในวันอุโบสถ ๑๕ ค่ำ ท้าวเธอทอดพระเนตร
เห็นแล้ว มีพระดำริว่า ก็เราได้สดับมาว่า จักรแก้วอันเป็นทิพย์ มีกำพันหนึ่ง มีกง มีดุม
บริบูรณ์ด้วยอาการทุกอย่าง ปรากฎมีแก่พระราชาผู้เป็นกษัตริย์พระองค์ใด ผู้ได้มูรธาภิเษก สระ
พระเศียร ทรงรักษาอุโบสถอยู่ ณ ปราสาทอันประเสริฐชั้นบน ในวันอุโบสถ ๑๕ ค่ำ พระ
ราชาพระองค์นั้น เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ เราได้เป็น พระเจ้าจักพรรดิ์หรือหนอ ฯ
[๓๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้น ท้าวเธอเสด็จลุกจากพระที่แล้ว ทรงทำผ้าอุตตราสงค์
เฉวียงพระอังสาข้างหนึ่ง จับพระเต้าด้วยพระหัตถ์ซ้าย ทรง ประคองจักรแก้วด้วยพระหัตถ์ขวา
แล้วตรัสว่า ขอจักรแก้วอันประเสริฐ จงเป็น ไปเถิด ขอจักรแก้วอันประเสริฐ จงชนะโลกทั้ง
ปวงเถิด ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ขณะนั้น จักรแก้วนั้นก็เป็นไปทางทิศบูรพา พระเจ้า จักรพรรดิ
พร้อมด้วยจตุรงคินีเสนา ก็เสด็จติดตามไป ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฝ่ายพระเจ้าแผ่นดินที่อยู่ ณ ทิศบูรพาพากันเสด็จ เข้าไปเฝ้าพระเจ้า
จักรพรรดิ์ ได้กราบทูลอย่างนี้ว่า ขอเชิญเสด็จมาเถิด มหาราชเจ้า พระองค์เสด็จมาดีแล้ว
ราชอาณาจักรเหล่านี้ เป็นของพระองค์ทั้งสิ้น ขอ พระองค์พระราชทานพระบรมราโชวาทเถิด
มหาราชเจ้า ท้าวเธอจึงตรัสอย่างนี้ว่า
พวกท่านไม่พึงฆ่าสัตว์
ไม่พึงถือเอาของที่เจ้าของไม่ได้ให้
ไม่พึงประพฤติผิดในกามทั้งหลาย
ไม่พึงกล่าวคำเท็จ
ไม่พึงดื่มน้ำเมา
จงบริโภคตามเดิมเถิด