พระสุตตันตปิฎกไทย: 13/420/610 611
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
ของพระผู้มีพระภาคผู้มีพระปัญญาอันประเสริฐ ดังนี้แล้ว
พราหมณ์ ๓๐๐ คนเหล่านั้น พากันประนมอัญชลีทูลขอบรรพชา
ว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ทั้งหลายจักประพฤติ
พรหมจรรย์ในสำนักของพระองค์.
พ. พรหมจรรย์อันเรากล่าวดีแล้ว อันผู้ปฏิบัติจะพึงเห็นเอง ไม่
ประกอบด้วยกาล เป็นเหตุทำให้บรรพชาของผู้ไม่ประมาทศึกษา
อยู่ ไม่เป็นโมฆะ.
เสลพราหมณ์พร้อมทั้งบริษัท ได้บรรพชา ได้อุปสมบทในสำนักของพระผู้มีพระภาค.
[๖๑๐] ครั้งนั้นแล เกณิยชฎิลสั่งให้จัดแจงขาทนียโภชนียาหารอย่างประณีตในอาศรม
ของตนตลอดราตรีนั้นแล้ว ใช้ให้คนไปกราบทูลภัตกาลแด่พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระโคดม
ผู้เจริญ ได้เวลาแล้ว ภัตตาหารสำเร็จแล้ว พระเจ้าข้า. ครั้งนั้น เป็นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาค
ทรงครองอันตรวาสกแล้วทรงถือบาตรและจีวร เสด็จเข้าไปยังอาศรมของเกณิยชฎิล แล้วประทับ
นั่งบนอาสนะที่เขาจัดไว้ถวาย พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์. ลำดับนั้น เกณิยชฎิลได้อังคาสภิกษุสงฆ์มี
พระพุทธเจ้าเป็นประมุขให้อิ่มหนำเพียงพอ ด้วยขาทนียโภชนียาหารอันประณีต ด้วยมือของตน.
เมื่อพระผู้มีพระภาคเสวยเสร็จแล้ว ละพระหัตถ์จากบาตรแล้ว เกณิยชฎิลถือเอาอาสนะต่ำแห่งหนึ่ง
แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
เกณิยานุโมทนา
[๖๑๑] ครั้นเกณิยชฎิลนั่งเรียบร้อยแล้ว พระผู้มีพระภาคทรงอนุโมทนาด้วยพระคาถา
เหล่านี้ว่า
ยัญทั้งหลายมีการบูชาไฟเป็นประมุข คัมภีร์สาริตติศาสตร์ เป็น
ประมุขแห่งคัมภีร์ฉันท์ พระราชาเป็นประมุขของมนุษย์ทั้งหลาย
สาครเป็นประมุขของแม่น้ำทั้งหลาย ดวงจันทร์เป็นประมุขของ
ดวงดาวทั้งหลาย ดวงอาทิตย์เป็นประมุขของความร้อน พระสงฆ์
เป็นประมุขของผู้หวังบุญบูชาอยู่.