พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/412/864 865      
      สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
      
     
 
    
        
          
            
 [๘๖๔]  ดูกรอานนท์  ประการอื่นยังมีอีก  ภิกษุเกิดความชอบใจ  ความไม่ชอบใจ  ทั้ง
ความชอบใจและไม่ชอบใจ  เพราะได้ยินเสียงด้วยโสต  ...  เพราะดมกลิ่นด้วยฆานะ  ...  เพราะ
ลิ้มรสด้วยชิวหา  ...  เพราะถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย  ...เพราะรู้ธรรมารมณ์ด้วยมโน  เธอ  ถ้า
หวังว่าจะมีความสำคัญในสิ่งปฏิกูลว่าเป็นของไม่ปฏิกูลอยู่  ก็ย่อมเป็นผู้มีความสำคัญในสิ่งนั้นๆ
ว่าเป็นของไม่ปฏิกูลอยู่ได้ถ้าหวังว่าจะมีความสำคัญในสิ่งไม่ปฏิกูลว่าเป็นของปฏิกูลอยู่  ก็ย่อม
เป็นผู้มีความ  สำคัญในสิ่งนั้นๆ  ว่าเป็นของปฏิกูลอยู่ได้  ถ้าหวังว่าจะมีความสำคัญในสิ่งทั้งปฏิกูล
และไม่ปฏิกูลว่าเป็นของไม่ปฏิกูลอยู่  ก็ย่อมเป็นผู้มีความสำคัญในสิ่งนั้นๆ  ว่าเป็นของไม่ปฏิกูล
อยู่ได้  ถ้าหวังว่าจะมีความสำคัญในสิ่งทั้งไม่ปฏิกูลและปฏิกูล  ว่าเป็นของปฏิกูลอยู่  ก็ย่อมมีความ
สำคัญในสิ่งนั้นๆ  ว่าเป็นของปฏิกูลอยู่ได้ถ้าหวังว่าจะวางเฉยเว้นเสียซึ่งสิ่งปฏิกูลและไม่ปฏิกูล
ทั้งสองนั้น  อยู่อย่างมีสติ  สัมปชัญญะ  ก็ย่อมเป็นผู้วางเฉยในสิ่งนั้นๆ  อยู่อย่างมีสติสัมปชัญญะ
ได้  ดูกรอานนท์  อย่างนี้แล  ชื่อว่าพระอริยะผู้เจริญอินทรีย์แล้ว  ฯ
 [๘๖๕]  ดูกรอานนท์  เราแสดงการเจริญอินทรีย์อย่างไม่มีวิธีอื่นยิ่งกว่าในวินัยของ
พระอริยะ  แสดงพระเสขะผู้ยังปฏิบัติอยู่  แสดงพระอริยะผู้เจริญอินทรีย์แล้ว  ด้วยประการ
ฉะนี้แล  ดูกรอานนท์  กิจใดอันศาสดาผู้แสวงหาประโยชน์เกื้อกูล  ผู้อนุเคราะห์  อาศัยความ
อนุเคราะห์พึงทำแก่สาวกทั้งหลาย  กิจนั้น  เราได้ทำแล้วแก่พวกเธอ  ดูกรอานนท์  นั่นโคนไม้
 นั่นเรือนว่าง  เธอทั้งหลาย  จงเพ่งฌาน  อย่าได้ประมาท  อย่าได้เป็นผู้เดือดร้อนในภายหลัง  นี้
เป็นคำพร่ำสอนของเราแก่พวกเธอ  ฯ
	พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระภาษิตนี้แล้ว  ท่านพระอานนท์จึงชื่นชมยินดี  พระภาษิตของ
พระผู้มีพระภาคฉะนี้แล  ฯ
					จบ  อินทรียภาวนาสูตร  ที่  ๑๐
					จบ  สฬายตนวรรค  ที่  ๕
					_______________