พระสุตตันตปิฎกไทย: 13/410/595 596
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
ข้าพเจ้าจึงจะทราบความข้อนั้น ขอพระองค์ทรงค่อยนำ
พระลักษณะนั้นออก ขอได้โปรดทรงกำจัดความสงสัยของ
ข้าพเจ้าเถิด ข้าแต่ท่านฤาษี ถ้าพระองค์ทรงประทานโอกาส
ข้าพเจ้าจะขอทูลถามปัญหาที่ข้าพเจ้าปรารถนายิ่งอย่างหนึ่ง เพื่อ
ประโยชน์เกื้อกูลในปัจจุบัน และเพื่อความสุขในสัมปรายภพ.
[๕๙๕] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคได้ทรงพระดำริว่า พรหมายุพราหมณ์นี้ เห็น
มหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการของเราโดยมาก เว้นอยู่ ๒ ประการ คือ คุยหฐานอันเร้นอยู่ใน
ฝัก ๑ ลิ้นใหญ่ ๑ ยังเคลือบแคลง สงสัย ไม่น้อมใจเชื่อ ไม่เลื่อมใสในมหาปุริสลักษณะ ๒
ประการ. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคจึงทรงบันดาลอิทธาภิสังขาร ให้พรหมายุพราหมณ์ได้เห็น
พระคุยหฐานอันเร้นอยู่ในฝัก และทรงแลบพระชิวหาสอดเข้าช่องพระกรรณทั้งสองกลับไปมา
สอดเข้าช่องพระนาสิกทั้งสองกลับไปมา ทรงแผ่ปีดทั่วมณฑลพระนลาฏ. ลำดับนั้น พระผู้มี
พระภาคได้ตรัสกะพรหมายุพราหมณ์ด้วยพระคาถาว่า
ดูกรพราหมณ์ มหาปุริสลักษณะที่ท่านได้สดับมาว่า ๓๒ ประการ
นั้น มีอยู่ในกายของเราครบทุกอย่าง ท่านอย่าสงสัยเลย ดูกร
พราหมณ์สิ่งที่ควรรู้ยิ่งเรารู้ยิ่งแล้ว สิ่งที่ควรเจริญเราเจริญแล้ว
และสิ่งที่ควรละเราละได้แล้ว เพราะเหตุนั้น เราจึงเป็นพุทธะ
ท่านเป็นผู้อันเราให้โอกาสแล้ว เชิญถามปัญหาที่ปรารถนายิ่ง
อย่างหนึ่ง เพื่อประโยชน์เกื้อกูลในปัจจุบันและเพื่อความสุขใน
สัมปรายภพเถิด.
[๕๙๖] ครั้งนั้นแล พรหมายุพราหมณ์ได้มีความดำริว่า เราเป็นผู้อันพระสมณโคดม
ประทานโอกาสแล้ว จะพึงทูลถามประโยชน์ในปัจจุบันหรือประโยชน์ในสัมปรายภพหนอ.
ลำดับนั้นแล พรหมายุพราหมณ์ได้มีความคิดว่า เราเป็นผู้ฉลาดในประโยชน์ปัจจุบัน แม้คนอื่นๆ
ก็ถามเราถึงประโยชน์ในปัจจุบัน ถ้ากระไรเราพึงทูลถามประโยชน์ในสัมปรายภพกะพระสมณโคดม
เถิด. ลำดับนั้น พรหมายุพราหมณ์ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า