พระสุตตันตปิฎกไทย: 22/4/5 6
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
๕. สิกขสูตร
[๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุหรือภิกษุณีบางรูป ลาสิกขาสึกออกมาเป็นคฤหัสถ์
เธอย่อมถึงฐานะอันน่าติเตียน ซึ่งถูกกล่าวหาอันชอบแก่เหตุ ๕ประการในปัจจุบัน ๕ ประการ
เป็นไฉน คือ ท่านไม่มีแม้ศรัทธาในกุศลธรรม ๑ไม่มีแม้หิริในกุศลธรรม ๑ ไม่มีแม้
โอตตัปปะในกุศลธรรม ๑ ไม่มีแม้ความเพียรในกุศลธรรม ๑ ไม่มีแม้ปัญญาในกุศลธรรม ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุหรือภิกษุณีบางรูป ลาสิกขาสึกออกมาเป็นคฤหัสถ์ เธอย่อมถึงฐานะอัน
น่าติเตียน ซึ่งถูกกล่าวหาอันชอบแก่เหตุ ๕ ประการนี้แลในปัจจุบัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ
หรือภิกษุณีบางรูป แม้มีทุกข์ โทมนัส มีหน้านองด้วยน้ำตา ร้องไห้อยู่ ย่อมประพฤติพรหมจรรย์
ให้บริสุทธิ์ บริบูรณ์ เธอย่อมถึงฐานะอันน่าสรรเสริญที่ชอบแก่เหตุ ๕ ประการในปัจจุบัน
๕ ประการเป็นไฉน คือ เธอมีศรัทธาในกุศลธรรม ๑มีหิริในกุศลธรรม ๑ มีโอตตัปปะ
ในกุศลธรรม ๑ มีความเพียรในกุศลธรรม ๑มีปัญญาในกุศลธรรม ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ
หรือภิกษุณีบางรูป แม้มีทุกข์โทมนัส มีหน้านองด้วยน้ำตา ร้องไห้อยู่ ย่อมประพฤติพรหมจรรย์
ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ เธอย่อมถึงฐานะอันน่าสรรเสริญที่ชอบแก่เหตุ ๕ ประการนี้แลในปัจจุบัน ฯ
จบสูตรที่ ๕
๖. สมาปัตติสูตร
[๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย การถึงอกุศลย่อมไม่มี ตลอดเวลาที่ศรัทธาในกุศลธรรม
ยังตั้งมั่นอยู่ แต่เมื่อใด ศรัทธาเสื่อมหายไป อัสสัทธิยะ (ความไม่เชื่อ)ย่อมกลุ้มรุม เมื่อนั้น
การถึงอกุศลย่อมมี การถึงอกุศลย่อมไม่มีตลอดเวลาที่หิริในกุศลธรรมยังตั้งมั่นอยู่ แต่เมื่อใด
หิริเสื่อมหายไป อหิริกะ (ความไม่ละอาย) ย่อมกลุ้มรุม เมื่อนั้น การถึงอกุศลย่อมมี การถึง
อกุศลย่อมไม่มีตลอดเวลาที่โอตตัปปะในกุศลธรรมยังตั้งมั่นอยู่ แต่เมื่อใด โอตตัปปะเสื่อม
หายไป อโนตตัปปะ (ความไม่สะดุ้งกลัว) ย่อมกลุ้มรุม เมื่อนั้น การถึงอกุศลย่อมมี การ
ถึงอกุศลย่อมไม่มีตลอดเวลาที่วิริยะในกุศลธรรมยังตั้งมั่นอยู่ แต่เมื่อใด โอตตัปปะเสื่อมหาย
ไป อโนตตัปปะ (ความไม่สะดุ้งกลัว) ย่อมกลุ้มรุมเมื่อนั้น การถึงอกุศลย่อมมี การถึง