พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/4/12 13 14 15
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
บุคคลควรตัดเท่าไร ควรละเท่าไร ควรบำเพ็ญคุณอันยิ่งเท่าไร ภิกษุ
ล่วงธรรมเครื่องข้องเท่าไร พระองค์จึงตรัสว่าเป็นผู้ข้ามโอฆะแล้ว ฯ
[๑๒] บุคคลควรตัดสังโยชน์เป็นส่วนเบื้องต่ำ ๕ อย่าง ควรละ สังโยชน์เป็น
ส่วนเบื้องบน ๕ อย่าง ควรบำเพ็ญอินทรีย์อันยิ่ง ๕ อย่าง ภิกษุล่วง
ธรรมเป็นเครื่องข้อง ๕ อย่าง เรากล่าวว่า เป็นผู้ข้ามโอฆะแล้ว ฯ
ชาครสูตรที่ ๖
[๑๓] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้กล่าว คาถานี้ในสำนัก
พระผู้มีพระภาคว่า
เมื่อธรรมทั้งหลายตื่นอยู่ ธรรมประเภทไหนนับว่าหลับ เมื่อ ธรรม
ทั้งหลายหลับ ธรรมประเภทไหนนับว่าตื่น บุคคลหมักหมมธุลีเพราะ
ธรรมประเภทไหน บุคคลบริสุทธิ์เพราะธรรม ประเภทไหน ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
[๑๔] เมื่ออินทรีย์ ๕ อย่างตื่นอยู่ นิวรณ์ ๕ อย่างนับว่าหลับ
เมื่อนิวรณ์ ๕ อย่างหลับอินทรีย์ ๕ อย่าง นับว่าตื่น
บุคคลหมักหมมธุลีเพราะนิวรณ์ ๕ อย่าง บุคคลบริสุทธิ์เพราะอินทรีย์
๕ อย่าง ฯ
อัปปฏิวิทิตสูตรที่ ๗
[๑๕] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้กล่าวคาถานี้ในสำนัก
พระผู้มีพระภาคว่า
ธรรมทั้งหลายอันชนพวกใดยังไม่แทงตลอดแล้ว ชนพวกนั้นย่อมถูก
จูงไปในวาทะของชนพวกอื่น ชนพวกนั้นชื่อว่ายังหลับ ไม่ตื่น (กาลนี้)
เป็นกาลสมควร เพื่อจะตื่นของชนพวกนั้น ฯ