พระสุตตันตปิฎกไทย: 22/397/375 376
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
ไฉน คือ ภิกษุพิจารณาเห็นอยู่ว่านิพพานสัญญาในสังขารทั้งปวง จักปรากฏแก่เราเหมือน
เพชฌฆาตผู้เงื้อดาบขึ้นอยู่๑ ใจของเราจักออกจากโลกทั้งปวง ๑ เราจักเป็นผู้มีปรกติเห็นสันติ
ในนิพพาน๑ อนุสัยของเราจักถึงการเพิกถอน ๑ เราจักเป็นผู้กระทำตามหน้าที่ ๑ และเราจัก
บำรุงพระศาสดาด้วยความบำรุงอันประกอบด้วยเมตตา ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุผู้พิจารณาเห็น
อานิสงส์ ๖ ประการนี้แล เป็นผู้สามารถเพื่อไม่กระทำเขตจำกัดในสังขารทั้งปวง แล้วยังทุกข
สัญญาให้ปรากฏ ฯ
จบสูตรที่ ๘
๙. อโนทิสสูตรที่ ๓
[๓๗๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นอานิสงส์ ๖ ประการ เป็นผู้สามารถ
เพื่อไม่กระทำเขตจำกัดในธรรมทั้งปวง แล้วยังอนัตตสัญญาให้ปรากฏ อานิสงส์ ๖ ประการเป็นไฉน
คือ ภิกษุพิจารณาเห็นอยู่ว่าเราเป็นผู้ไม่มีตัณหาและทิฐิในโลกทั้งปวง ๑ ทิฐิอันเป็นเหตุให้
กระทำความถือตัวว่าเราของเราจักดับ ๑ ตัณหาอันเป็นเหตุให้กระทำการยึดถือว่าของเราของเรา
จักดับ ๑ เราจักเป็นผู้ประกอบด้วยอสาธารณญาณ ๑ เราจะเห็นเหตุด้วยดี ๑ และจักเห็นธรรมที่
เกิดขึ้นแต่เหตุด้วยดี ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพิจารณาเห็นอานิสงส์ ๖ ประการนี้แล เป็น
ผู้สามารถเพื่อไม่กระทำเขตจำกัดในธรรมทั้งปวงแล้วยังอนัตตสัญญาให้ปรากฏ ฯ
จบสูตรที่ ๙
๑๐. ภวสูตร
[๓๗๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภพ ๓ นี้ควรละ ควรศึกษาในไตรสิกขา ภพ ๓ เป็นไฉน
คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ ภพ ๓ นี้ควรละไตรสิกขาเป็นไฉน คือ อธิศีลสิกขา อธิจิตสิกขา
อธิปัญญาสิกขา ควรศึกษาในไตรสิกขานี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล
ภพ ๓ นี้ เป็นสภาพอันภิกษุละได้แล้ว และเธอเป็นผู้มีสิกขาอันได้ศึกษาแล้วในไตรสิกขานี้