พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/394/424

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เล่ม 25
หน้า 394
จะพึงชนะทั่วปฐพีนี้ จะทรงปกครองโดยธรรม ด้วยไม่ต้องใช้อาชญา ไม่ต้องใช้ศาตรา ถ้าออกบวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ยอดเยี่ยม มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้ว ท่าน ทั้งหลายจงถามถึงชาติ โคตร ลักษณะมนต์ และศิษย์เหล่าอื่นอีก และถามถึงศีรษะและธรรมเป็นเหตุให้ศีรษะตกไปด้วยใจเทียว ถ้าว่า ท่านนั้นจักเป็นพระพุทธเจ้าผู้ทรงเห็นธรรมอันหาเครื่องกางกั้นมิได้ไซร้ จักวิสัชนาปัญหาอันท่านทั้งหลายถามด้วยใจด้วยวาจาได้ ฯ พราหมณ์มาณพผู้เป็นศิษย์ ๑๖ คน คือ อชิตะ ๑ ติสสเมตเตยยะ ๑ ปุณณกะ ๑ เมตตคู ๑ โธตกะ ๑ อุปสีวะ ๑นันทะ ๑ เหมกะ ๑ โตเทยยะ ๑ กัปปะ ๑ ชตุกัณณีผู้เป็นบัณฑิต ๑ ภัทราวุธะ ๑ อุทยะ ๑ โปสาลพราหมณ์ ๑โมฆราชผู้มีเมธา ๑ ปิงคิยะผู้แสวงหาคุณอันใหญ่ ๑ พราหมณ์มาณพทั้งปวง คนหนึ่งๆ เป็นเจ้าหมู่เจ้าคณะ ปรากฏแก่โลก ทั้งปวง เป็นผู้เพ่งฌาณ มีปัญญาทรงจำ อันวาสนาในก่อนอบรมแล้ว ทรงชฏาหนังเสือเหลือง ได้ฟังคำของพราหมณ์พาวรีแล้ว อภิวาท พราหมณ์พาวรี กระทำประทักษิณแล้ว บ่ายหน้าต่อทิศอุดร มุ่งไปยังที่ ตั้งแห่งแว่นแคว้นมุฬกะเมืองมาหิสสติ ในคราวนั้น เมืองอุชเชนี เมืองโคนัทธะเมืองเวทิสะ เมืองวนนคร เมืองโกสัมพี เมืองสาเกต เมืองสาวัตถีอันเป็นเมืองอุดม เมืองเสตพยะ เมืองกบิลพัสดุ์เมือง กุสินารามันทิรสถาน (เมืองมันทิระ) เมืองปาวาโภคนครเมืองเวสาลี เมืองราชคฤห์ และปาสาณกเจดีย์อันเป็นรมณียสถานที่น่ารื่นรมย์ใจ พราหมณ์มาณพทั้งหลายพากันยินดีได้รีบด่วนขึ้นสู่เจติยบรรพต เหมือน บุคคลผู้กระหายน้ำยินดีน้ำเย็น เหมือนพ่อค้ายินดีลาภใหญ่ และเหมือน บุคคลถูกความร้อนแผดเผายินดีร่มเงา ฉะนั้น ก็ในสมัยนั้นพระผู้มี พระภาค อันภิกษุสงฆ์แวดล้อมแล้ว ทรงแสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลายอยู่ ประหนึ่งราชสีห์บันลืออยู่ในป่า ฉะนั้นอชิตมาณพได้เห็น พระสัมมา สัมพุทธเจ้ามีพระรัศมีเรื่อเรืองเหลืองอ่อน ถึงความบริบูรณ์ดังดวงจันทร์