พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/387/815 816 817
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
และโผฏฐัพพะ จึงเกิดกายวิญญาณอาศัยมโนและธรรมารมณ์ จึงเกิดมโนวิญญาณ ข้อที่เรา
กล่าวดังนี้ว่า พึงทราบ หมวดวิญญาณ ๖ นั่น เราอาศัยวิญญาณดังนี้ กล่าวแล้ว นี้ธรรมหมวดหก
หมวดที่ ๓ ฯ
[๘๑๕] ก็ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า พึงทราบหมวดผัสสะ ๖ นั่น เราอาศัย อะไรกล่าวแล้ว
คือ บุคคลอาศัยจักษุและรูปเกิดจักษุวิญญาณ ความประจวบของธรรมทั้ง ๓ เป็นผัสสะ อาศัย
โสตะและเสียงเกิดโสตวิญญาณ ความประจวบของธรรมทั้ง ๓ เป็นผัสสะ อาศัยฆานะและกลิ่น
เกิดฆานวิญญาณ ความประจวบของธรรมทั้ง ๓ เป็นผัสสะ อาศัยชิวหาและรสเกิดชิวหาวิญญาณ
ความประจวบของธรรมทั้ง ๓ เป็นผัสสะ อาศัยกายและโผฏฐัพพะเกิดกายวิญญาณ ความประจวบ
ของธรรมทั้ง ๓ เป็นผัสสะ อาศัยมโนและธรรมารมณ์เกิดมโนวิญญาณ ความ ประจวบของธรรม
ทั้ง ๓ เป็นผัสสะ ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า พึงทราบหมวดผัสสะ ๖นั่น เราอาศัยผัสสะดังนี้
กล่าวแล้ว นี้ธรรมหมวดหก หมวดที่ ๔ ฯ
[๘๑๖] ก็ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า พึงทราบหมวดเวทนา ๖ นั่น เราอาศัย อะไรกล่าวแล้ว
คือ บุคคลอาศัยจักษุและรูปเกิดจักษุวิญญาณ ความประจวบของธรรมทั้ง ๓ เป็นผัสสะ เพราะ
ผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา
อาศัยโสตะและเสียงเกิดโสตวิญญาณ ...
อาศัยฆานะและกลิ่นเกิดฆานวิญญาณ ...
อาศัยชิวหาและรสเกิดชิวหาวิญญาณ ...
อาศัยกายและโผฏฐัพพะเกิดกายวิญญาณ ...
อาศัยมโนและธรรมารมณ์เกิดมโนวิญญาณ ความประจวบของธรรมทั้ง ๓เป็นผัสสะ
เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า พึงทราบหมวด เวทนา ๖ นั่น เราอาศัย
เวทนาดังนี้ กล่าวแล้ว นี้ธรรมหมวดหก หมวดที่ ๕ ฯ
[๘๑๗] ก็ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า พึงทราบหมวดตัณหา ๖ นั่น เราอาศัย อะไรกล่าวแล้ว
คือ บุคคลอาศัยจักษุและรูปเกิดจักษุวิญญาณ ความประจวบของธรรมทั้ง ๓ เป็นผัสสะ เพราะ
ผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา
อาศัยโสตะและเสียงเกิดโสตวิญญาณ ...
อาศัยฆานะและกลิ่นเกิดฆานวิญญาณ ...