พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/381/420
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
พระพุทธนิมิตตรัสถามว่า
สมณพราหมณ์พวกหนึ่งกล่าวธรรมใดว่า เป็นธรรมอย่างยิ่งส่วนสมณ
พราหมณ์เหล่าอื่นกล่าวธรรมนั้นแหละว่า เป็นธรรมเลวทราม วาทะของ
สมณพราหมณ์ทั้งสองพวกนี้ วาทะอย่างไหนจริงหนอ เพราะสมณ
พราหมณ์ทั้งหมดนี้แล เป็นผู้กล่าวอวดอ้างว่าตนเป็นผู้ฉลาด ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
สมณพราหมณ์ทั้งหลายกล่าวธรรมของตนนั่นแหละ ว่าเป็นธรรมบริบูรณ์
แต่กลับกล่าวธรรมของผู้อื่น ว่าเป็นธรรมเลวทราม สมณพราหมณ์
ทั้งหลาย ต่างยึดถือทิฐิแม้ด้วยอาการอย่างนี้แล้ว ย่อมวิวาทกัน
สมณพราหมณ์ทั้งหลายกล่าวทิฐิของตนๆ ว่า เป็นของจริง ฯ
พระพุทธนิมิตตรัสถามว่า
ถ้าว่าบุคคลพึงเป็นผู้เลวทราม เพราะการติเตียนของบุคคลอื่นไซร้ ใครๆ
จะไม่พึงเป็นผู้วิเศษในธรรมทั้งหลาย เพราะว่าสมณพราหมณ์เป็นอันมาก
ย่อมกล่าวธรรมของบุคคลอื่นโดยความเป็นธรรมเลวทราม ในธรรม
ของตน กล่าวว่าเป็นธรรมมั่นคง ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
สมณพราหมณ์ทั้งหลาย ย่อมสรรเสริญหนทางเครื่องดำเนินของตน
อย่างใด การบูชาธรรมของตนของสมณพราหมณ์เหล่านั้น ก็ยัง
เป็นไปอยู่อย่างนั้น หากว่าวาทะทั้งปวงจะพึงเป็นของแท้ไซร้ ความ
บริสุทธิ์ของสมณพราหมณ์ผู้มีถ้อยคำต่างๆ กันเหล่านั้นก็จะเป็นผล
เฉพาะตนๆ เท่านั้น ฯ
พระพุทธนิมิตตรัสถามว่า
ญาณที่ผู้อื่นจะพึงนำไปไม่มีแก่พราหมณ์ การวินิจฉัยในธรรมคือ
ทิฐิทั้งหลายว่าข้อนี้แหละจริง ดังนี้แล้ว ยึดถือไว้ ไม่มีแก่พราหมณ์
เพราะเหตุนั้น พราหมณ์จึงล่วงความวิวาทเสียได้ พราหมณ์นั้นย่อมไม่
เห็นธรรมอื่น โดยความเป็นธรรมประเสริฐเลย ฯ