พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/380/420

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เล่ม 25
หน้า 380
พระพุทธนิมิตตรัสถามว่า ทิฐิเหล่าใดเหล่าหนึ่งเป็นอันมาก บัณฑิตผู้รู้แจ้งย่อมไม่เข้าไปใกล้ทิฐิ ทั้งปวงนั้น บัณฑิตผู้รู้แจ้งนั้น เป็นผู้ไม่เข้าไปใกล้จะพึงถึงธรรม ที่ควรเข้าไปใกล้อะไร จึงจะไม่ทำความชอบใจในรูปที่ได้เห็น ในเสียง ที่ได้ฟัง ฯ พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ชนบางพวกผู้มีศีลอันอุดม สำคัญอยู่ว่าศีลเท่านั้นเป็นธรรมอุดม จึงกล่าว ความบริสุทธิ์ด้วยการสำรวม ชนเหล่านั้นสมาทานวัตรแล้วตั้งมั่นอยู่ ด้วยคิดว่า เราทั้งหลายควรศึกษาความบริสุทธิ์ของศาสดานั้นในทิฐินี้ เท่านั้น ชนเหล่านั้นอันภพนำเข้าไปแล้ว กล่าวว่า เราทั้งหลายเป็น ผู้ฉลาด ถ้าบุคคลเป็นผู้เคลื่อนจากศีลและพรตแล้วไซร้ บุคคลนั้นยังกรรม ให้ผิดไปแล้วก็ไม่หวั่นไหว ยังคร่ำครวญและปรารถนาความบริสุทธิ์อยู่ เหมือนบุคคลอยู่ปราศจากเรือน เสื่อมแล้วจากพวก พึงปรารถนาเรือน หรือพวก ฉะนั้น อนึ่ง อริยสาวกละศีล พรต ธรรมที่มีโทษและ ไม่มีโทษทั้งสิ้นนี้ แล้วไม่ปรารถนาว่า ธรรมชาตินี้บริสุทธิ์ ธรรมชาตินี้ ไม่บริสุทธิ์เว้นแล้วจากความบริสุทธิ์และความไม่บริสุทธิ์ ไม่ถือมั่นทิฐิ แล้วพึงเที่ยวไป ฯ พระพุทธนิมิตตรัสถามว่า สมณพราหมณ์ทั้งหลาย อาศัยทิฐินั้นหรือความเกลียดบาปแม้อนึ่ง อาศัยรูปที่ได้เห็นแล้ว เสียงที่ได้ฟังแล้ว หรืออารมณ์ที่ได้ทราบแล้ว เป็นผู้ระลึกแล่นพ้นไปจากอกิริยทิฐิยังไม่ปราศจากตัณหาในภพและ มิใช่ภพแล้ว ย่อมทอดถอนถึงความบริสุทธิ์ ฯ พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ก็ความดิ้นรนทั้งหลาย ย่อมมีแก่ผู้ปรารถนาความหวั่นไหวมีอยู่ในวัตถุ ที่ตนกำหนดแล้ว การจุติและการอุบัติในภพนี้ย่อมไม่มีแก่ผู้ใด ผู้นั้น จะพึงหวั่นไหวจะพึงดิ้นรนในอารมณ์ไหนๆ เพราะเหตุอะไร ฯ