พระสุตตันตปิฎกไทย: 18/380/762

สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
เล่ม 18
หน้า 380
ชนะเหล่านี้ แก่ข้าพระพุทธเจ้า ดุจพระผู้มีพระภาคเหมือนกัน น่าอัศจรรย์ พระเจ้าข้า ไม่เคยมีมาพระเจ้าข้า ในข้อที่อรรถกับอรรถ พยัญชนะกับพยัญชนะ ของพระศาสดากับ ของสาวก ย่อมเทียบกันได้ สมกันได้ ไม่ผิดเพี้ยนในบทที่สำคัญ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระพุทธเจ้ามีกิจมาก มีกรณีย์มาก ถ้ากระไร จึงขอทูลลาไปในบัดนี้ ฯ พ. ขอถวายพระพร บัดนี้ มหาบพิตรทรงทราบกาลอันสมควรเถิด ครั้งนั้นแล พระ เจ้าปเสนทิโกศลทรงยินดีอนุโมทนาพระภาษิตของพระผู้มีพระภาค เสด็จลุกขึ้นจากอาสนะ ทรงอภิวาทพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณแล้วเสด็จกลับไป ฯ จบสูตรที่ ๑ อนุราธสูตร
[๗๖๒] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ในป่ามหาวัน ใกล้นครเวสาลี ก็สมัยนั้นแล ท่านพระอนุราธะก็อยู่ในกุฎีในป่าที่ไม่ไกลพระผู้มีพระภาค ครั้งนั้นแล พวก ปริพาชกผู้ถือลัทธิอื่นเป็นอันมาก เข้าไปหาท่านพระอนุราธะถึงที่อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระอนุราธะ ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้วจึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ถามท่าน พระอนุราธะว่า ดูกรท่านอนุราธะ พระตถาคตผู้เป็นอุดมบุรุษผู้เป็นบรมบุรุษ ทรงบรรลุถึงธรรม อันควรบรรลุอย่างยอดเยี่ยมแล้ว เมื่อจะทรงบัญญัติข้อนั้น ย่อมทรงบัญญัติในฐานะทั้ง ๔นี้ คือ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีก สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมไม่เกิดอีก สัตว์เบื้องหน้า แต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็มี ไม่เกิดอีกก็มี หรือว่าสัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็หามิ ได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้ ท่านพระอนุราธะตอบว่า ดูกรท่านทั้งหลาย พระตถาคตผู้เป็นอุดม บุรุษ ผู้เป็นบรมบุรุษ ทรงบรรลุถึงธรรมอันสมควรบรรลุอย่างยอดเยี่ยมแล้ว เมื่อจะทรงบัญญัติข้อนั้น