พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/372/778 779 780
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
ในระหว่าง เครื่องผูกในระหว่าง นั้นเป็นชื่อของนันทิราคะ มีดแล่โคอันคมนั้น เป็นชื่อของ
ปัญญาอันประเสริฐ ซึ่งใช้เถือ แล่ คว้านกิเลสในระหว่าง สัญโญชน์ในระหว่าง เครื่องผูกใน
ระหว่างได้ ฯ
[๗๗๘] ดูกรน้องหญิงทั้งหลาย โพชฌงค์ที่ภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว เป็นเหตุ
ย่อมเข้าถึงเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะ อาสวะทั้งหลายสิ้นไป ทำให้แจ้งเพราะ
รู้ยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันอยู่ เหล่านี้ มี๗ อย่างแล ๗ อย่างเป็นไฉน ดูกรน้องหญิงทั้งหลาย
คือ ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้
(๑) ย่อมเจริญสติสัมโพชฌงค์อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ อันน้อมไป
เพื่อความปลดปล่อย
(๒) ย่อมเจริญธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ ...
(๓) ย่อมเจริญวิริยสัมโพชฌงค์ ...
(๔) ย่อมเจริญปีติสัมโพชฌงค์ ...
(๕) ย่อมเจริญปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ ...
(๖) ย่อมเจริญสมาธิสัมโพชฌงค์ ...
(๗) ย่อมเจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ อันน้อม
ไปเพื่อความปลดปล่อย ดูกรน้องหญิงทั้งหลาย เหล่านี้แลโพชฌงค์ ๗ ที่ภิกษุเจริญแล้ว ทำให้
มากแล้ว เป็นเหตุ ย่อมเข้าถึงเจโตวิมุติปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลาย
สิ้นไป ทำให้แจ้งเพราะรู้ ยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันอยู่ ฯ
[๗๗๙] ครั้นท่านพระนันทกะกล่าวสอนภิกษุณีเหล่านั้นด้วยโอวาทนี้แล้ว จึงส่งไปด้วย
คำว่า ดูกรน้องหญิงทั้งหลาย พวกท่านจงไปเถิด สมควรแก่เวลาแล้ว ลำดับนั้น ภิกษุณีเหล่านั้น
ยินดีอนุโมทนาภาษิตของท่านพระนันทกะแล้ว ลุกจากอาสนะ อภิวาทท่านพระนันทกะ กระทำ
ประทักษิณ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ แล้วถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค ยืน ณ ที่
ควรส่วนข้างหนึ่งพอยืนเรียบร้อยแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสดังนี้ว่า ดูกรภิกษุณีทั้งหลาย
พวกเธอจงไปเถิด สมควรแก่เวลาแล้ว ต่อนั้น ภิกษุณีเหล่านั้นได้ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค
กระทำประทักษิณแล้วหลีกไป ฯ
[๗๘๐] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาค เมื่อภิกษุณีเหล่านั้นหลีกไปแล้ว ไม่นาน ได้ตรัส
กะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในทุกวันอุโบสถ ๑๔ ค่ำนั้น ชนเป็นอันมากไม่มีความ