พระสุตตันตปิฎกไทย: 22/371/335
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
ฯลฯ แม้การที่ตถาคตย่อมพิจารณาเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติ กำลังอุบัติ ฯลฯ ด้วยทิพจักษุอัน
บริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรม ฯลฯ นี้ย่อมเป็นกำลังของตถา
คต ซึ่งตถาคตได้อาศัยปฏิญาณฐานะของผู้เป็นโจก บันลือสีหนาทในบริษัท ประกาศพรหมจักร ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ตถาคตย่อมทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ
อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ แม้
การที่ตถาคตย่อมทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติอันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้น
ไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบันเข้าถึงอยู่นี้ย่อมเป็นกำลังของตถาคต ซึ่งตถาคตได้อาศัย
ปฏิญาณฐานะของผู้เป็นโจกบันลือสีหนาทในบริษัท ประกาศพรหมจักร ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำลัง
ของตถาคต๖ ประการนี้แล ที่ตถาคตประกอบแล้วเป็นเหตุให้ปฏิญาณฐานะของผู้โจก บันลือ
สีหนาทในบริษัท ประกาศพรหมจักร ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในกำลังของตถาคต ๖ ประการเหล่านั้น หากว่าชนเหล่าอื่นย่อมเข้า
มาถามปัญหากับตถาคต ด้วยความรู้ตามเป็นจริง ซึ่งฐานะโดยความเป็นฐานะ และเหตุที่มิใช่
ฐานะโดยความเป็นเหตุมิใช่ฐานะไซร้ ความรู้ตามเป็นจริง ซึ่งฐานะโดยความเป็นฐานะ และเหตุ
ที่มิใช่ฐานะโดยความเป็นเหตุมิใช่ฐานะ อันตถาคตทราบชัดด้วยประการใดๆ ตถาคตถูกถาม
ปัญหาแล้ว ย่อมพยากรณ์ด้วยความรู้ตามเป็นจริง ซึ่งฐานะโดยความเป็นฐานะ และเหตุที่มิใช่
ฐานะโดยความเป็นเหตุมิใช่ฐานะ แก่ชนเหล่านั้น ด้วยประการนั้นๆ ฯ
หากว่า ชนเหล่าอื่นย่อมเข้ามาถามปัญหากับตถาคต ด้วยความรู้ตามเป็นจริง ซึ่งวิบาก
แห่งกรรมสมาทาน ที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน โดยปัจจัยโดยเหตุไซร้ ความรู้ตาม
ความเป็นจริง ซึ่งวิบากแห่งกรรมสมาทานที่เป็นอดีตอนาคต และปัจจุบันอันตถาคตทราบชัด
ด้วยประการใดๆ ตถาคตถูกถามปัญหาแล้วย่อมพยากรณ์ ด้วยความรู้ตามเป็นจริง ซึ่งวิบากแห่ง
กรรมสมาทานที่เป็นอดีตอนาคต และปัจจุบัน แก่ชนเหล่านั้น ด้วยประการนั้นๆ ฯ
หากว่า ชนเหล่าอื่นย่อมเข้ามาถามปัญหากับตถาคต ด้วยความรู้ตามเป็นจริง ซึ่งความ
เศร้าหมอง ความผ่องแผ้ว ความออกแห่งฌาน วิโมกข์ สมาธิและสมาบัติไซร้ ความรู้ตาม
เป็นจริงซึ่งความเศร้าหมอง ความผ่องแผ้ว ความออกแห่งฌาน วิโมกข์ สมาธิ และสมาบัติ
อันตถาคตทราบชัดด้วยประการใดๆตถาคตถูกถามปัญหาแล้ว ย่อมพยากรณ์ด้วยความรู้ตามเป็น
จริง ซึ่งความเศร้าหมองความผ่องแผ้ว ความออกแห่งฌาน วิโมกข์ สมาธิ และสมาบัติ แก่ชน
เหล่านั้นด้วยประการนั้นๆ ฯ