พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/371/776 777
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
เป็นทุกข์ก็ตาม มิใช่ทุกข์มิใช่สุขก็ตามเวทนานั้น เที่ยง ยั่งยืน เป็นไปติดต่อ ไม่มีความ
แปรปรวนไปเป็นธรรมดาบุคคลผู้กล่าวนั้นชื่อว่า กล่าวชอบหรือหนอแล ฯ
ภิกษุณี. หามิได้ เจ้าข้า ฯ
น. นั่นเพราะเหตุไร ฯ
ภิกษุณี. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ เพราะเวทนาที่เกิดแต่อายตนะภายนอกนั้นๆ อาศัยปัจจัยที่
เกิดแต่อายตนะภายนอกนั้นๆ แล้ว จึงเกิดขึ้นได้ เพราะปัจจัยที่เกิดแต่อายตนะภายนอกนั้นๆ ดับ
เวทนาที่เกิดแต่อายตนะภายนอกนั้นๆ จึงดับไป ฯ
น. ดูกรน้องหญิงทั้งหลาย ถูกละๆ พระอริยสาวกผู้เห็นเรื่องนี้ด้วยปัญญาชอบ ตาม
ความเป็นจริง ย่อมมีความเห็นอย่างนี้แล ฯ
[๗๗๖] น. ดูกรน้องหญิงทั้งหลาย เปรียบเหมือนคนฆ่าโค หรือลูกมือของคนฆ่าโค
ผู้ฉลาด ฆ่าโคแล้ว ใช้มีดแล่โคอันคมชำแหละโค แยกส่วนเนื้อข้างใน แยกส่วนหนังข้างนอก
ไว้ ในส่วนเนื้อนั้น ส่วนใดเป็นเนื้อล่ำใน ระหว่าง เอ็นในระหว่าง เครื่องผูกในระหว่าง ก็ใช้
มีดแล่โคอันคมเถือ แล่คว้านส่วนนั้นๆ ครั้นแล้วคลี่ส่วนหนังข้างนอกออก เอาปิดโคนั้นไว้
แล้วกล่าวอย่างนี้ว่า โคตัวนี้ประกอบด้วยหนังผืนนี้ เหมือนอย่างเดิมนั่นเอง ดูกรน้องหญิง
ทั้งหลาย คนฆ่าโค หรือลูกมือของคนฆ่าโคผู้กล่าวนั้นชื่อว่า กล่าวชอบหรือ หนอแล ฯ
ภิกษุณี. หามิได้ เจ้าข้า ฯ
น. นั่นเพราะเหตุไร ฯ
ภิกษุณี. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ เพราะคนฆ่าโค หรือลูกมือของคนฆ่าโคผู้ฉลาดโน้น ฆ่าโค
แล้ว ใช้มีดแล่โคอันคมชำแหละโค แยกส่วนเนื้อข้างในแยกส่วนหนังข้างนอกไว้ ในส่วนเนื้อ
นั้น ส่วนใดเป็นเนื้อล่ำในระหว่าง เอ็นในระหว่าง เครื่องผูกในระหว่าง ก็ใช้มีดแล่โคอันคมเถือ
แล่ คว้านส่วนนั้นๆ ครั้นแล้วคลี่ส่วนหนังข้างนอกออก เอาปิดโคนั้นไว้ แม้เขาจะกล่าว
อย่างนี้ว่า โคตัวนี้ประกอบด้วยหนังผืนนี้ เหมือนอย่างเดิมนั่นเอง ก็จริง ถึงกระนั้นแล โค
นั้นก็แยกกันแล้วจากหนังผืนนั้น ฯ
[๗๗๗] น. ดูกรน้องหญิงทั้งหลาย เราเปรียบอุปมานี้เพื่อให้เข้าใจเนื้อความชัด เนื้อ
ความในอุปมานั้น มีดังต่อไปนี้ ดูกรน้องหญิงทั้งหลาย ข้อว่าส่วนเนื้อข้างในนั้น เป็นชื่อของ
อายตนะภายใน ๖ ส่วนหนังข้างนอกนั้น เป็นชื่อของอายตนะภายนอก ๖ เนื้อล่ำในระหว่าง เอ็น