พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/369/416
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
สมใจนึก การยกตนของบุคคลนั้น เป็นพื้นแห่งความกระทบกัน และ
บุคคลนั้นย่อมกล่าวถึงการถือตัวและการดูหมิ่นผู้อื่น บุคคลเห็นโทษ
แม้นี้แล้ว พึงเว้นความทะเลาะกันเสีย ผู้ฉลาดทั้งหลาย ย่อมไม่กล่าว
ความบริสุทธิ์ด้วยการทะเลาะกันนั้น บุคคลผู้เจ้าทิฐิปรารถนาพบบุคคล
เจ้าทิฐิผู้เป็นปฏิปักษ์กัน ย่อมคำราม เปรียบเหมือนทหารผู้กล้าหาญ
ซึ่งพระราชาทรงเลี้ยงแล้วด้วยราชขาทนียาหาร ปรารถนาพบทหารผู้เป็น
ปฏิปักษ์กัน ย่อมคำราม ฉะนั้นดูกรท่านผู้องอาจ บุคคลเจ้าทิฐิเป็น
ปฏิปักษ์ของท่านนั้น มีอยู่ณ ที่ใด ท่านจงไป ณ ที่นั้นเถิด กิเลส
ชาติเพื่อการรบนี้ไม่มีในกาลก่อนเลย (กิเลสชาตินั้นเราผู้ตถาคตละเสีย
แล้วณ ควงแห่งไม้โพธินั้นแล) สมณพราหมณ์เหล่าใดถือรั้นทิฐิแล้ว
ย่อมวิวาทกันและย่อมกล่าวว่า สิ่งนี้เท่านั้นจริงท่านผู้กระทำความเป็น
ข้าศึกในวาทะ (ถ้อยคำ) ที่เกิดขึ้นจงกล่าวทุ่มเถียงกะสมณพราหมณ์
เหล่านั้นเถิด พราหมณ์เหล่านั้นไม่มีในที่นี้เลย ส่วนพระอรหันตขีณาสพ
ทั้งหลาย กำจัดเสนา คือกิเลสให้พินาศแล้ว ไม่กระทำความเห็นให้
ผิดไปจากความเห็น เที่ยวไปอยู่ ดูกรปสุระ ท่านจะได้สู้รบโต้ตอบ
อะไร ในพระอรหันต์ผู้ไม่มีความยึดถือว่าสิ่งนี้ประเสริฐในโลกนี้ ถ้า
ท่านคิดถึงทิฐิทั้งหลายอยู่ด้วยใจ ถึงความตรึกไปต่างๆ ถือเอาความ
เป็นคู่แข่งขันกับพระพุทธะผู้กำจัดกิเลสได้แล้วไซร้ ท่านจะสามารถเพื่อ
ถือเอาความเป็นคู่แข่งขันให้สำเร็จไม่ได้เลย ฯ
จบปสูรสูตรที่ ๘
มาคันทิยสูตรที่ ๙
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
[๔๑๖] ความพอใจในเมถุนธรรม ไม่ได้มีแก่เราเพราะได้เห็นนางตัณหานางอรดี
และนางราคาเลย ความพอใจในเมถุนธรรมอย่างไรจักมีเพราะได้เห็น