พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/365/766 767 768
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
๔. นันทโกวาทสูตร (๑๔๖)
[๗๖๖] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี
เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล พระมหาปชาบดีโคตมีพร้อมด้วยภิกษุณีประมาณ ๕๐๐ รูป เข้า
ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคแล้ว ได้ยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
พอยืนเรียบร้อยแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาค
จงทรงโอวาทสั่งสอนพวกภิกษุณี จงรับสั่งแสดงธรรมแก่พวกภิกษุณีเถิด ฯ
[๗๖๗] ก็สมัยนั้นแล ภิกษุผู้เถระทั้งหลาย ย่อมโอวาทพวกภิกษุณี โดยเป็นเวรกัน
แต่ท่านพระนันทกะ ไม่ปรารถนาจะโอวาทพวกภิกษุณีโดยเป็นเวรกัน ลำดับนั้น พระผู้มีพระ
ภาคจึงตรัสถามท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์วันนี้ เวรโอวาทภิกษุณีโดยเป็นเวรกัน ของ
ใครหนอแล ฯ
ท่านพระอานนท์กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุทั้งปวงทำเวรโอวาทภิกษุณีโดย
เป็นเวรกันหมดแล้ว แต่ท่านพระนันทกะรูปนี้ ไม่ปรารถนาจะโอวาทพวกภิกษุณีโดยเป็นเวรกัน
ต่อนั้นพระผู้มีพระภาคจึงตรัสกะท่านพระนันทกะว่า ดูกรนันทกะ เธอจงโอวาทสั่งสอนพวกภิกษุณี
ดูกรพราหมณ์ เธอจงกล่าวแสดงธรรมกถาแก่พวกภิกษุณีเถิด ท่านพระนันทกะทูลรับพระผู้มี
พระภาคว่าชอบแล้ว พระพุทธเจ้าข้า แล้วนุ่งสบงทรงบาตรจีวร เข้าไปบิณฑบาตยังพระนคร
สาวัตถีในเวลาเช้า ครั้นกลับจากบิณฑบาต ภายหลังเวลาอาหารแล้ว เข้าไปยัง วิหารราชการาม
แต่รูปเดียว ภิกษุณีเหล่านั้นได้เห็นท่านพระนันทกะเดินมาแต่ไกลพากันแต่งตั้งอาสนะและตั้ง
น้ำสำหรับล้างเท้าไว้ ท่านพระนันทกะนั่งบนอาสนะ ที่แต่งตั้งไว้แล้ว จึงล้างเท้า แม้ภิกษุณีเหล่า
นั้น ก็ถวายอภิวาทท่านพระนันทกะแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ
[๗๖๘] พอนั่งเรียบร้อยแล้ว ท่านพระนันทกะได้กล่าวดังนี้ว่า ดูกรน้องหญิงทั้งหลาย
จักต้องมีข้อสอบถามกันแล ในข้อสอบถามนั้น น้องหญิงทั้งหลายรู้อยู่ พึงตอบว่ารู้ ไม่รู้อยู่
ก็พึงตอบว่าไม่รู้ หรือน้องหญิงรูปใด มีความเคลือบแคลงสงสัย น้องหญิงรูปนั้น พึงทวนถาม
ข้าพเจ้าในเรื่องนั้นว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้อนี้เป็นอย่างไร ข้อนี้มีเนื้อความอย่างไร ฯ