พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/349/722 723 724 725 726 727      
      สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
      
     
 
    
        
          
            
 [๗๒๒]  พอนั่งเรียบร้อยแล้ว  จึงกล่าวกะอนาถบิณฑิกคฤหบดีดังนี้ว่าดูกรคฤหบดี
ท่านพอทน  พอเป็นไปได้หรือ  ทุกขเวทนาทุเลา  ไม่กำเริบ  ปรากฏความทุเลาเป็นที่สุด  ไม่
ปรากฏความกำเริบละหรือ  ฯ
	อ.  ข้าแต่พระสารีบุตรผู้เจริญ  กระผมทนไม่ไหว  เป็นไปไม่ไหวทุกขเวทนาของกระผม
หนัก  กำเริบ  ไม่ทุเลา  ปรากฏความกำเริบเป็นที่สุด  ไม่ปรากฏความทุเลาเลย  ฯ
 [๗๒๓]  ข้าแต่พระสารีบุตรผู้เจริญ  ลมเหลือประมาณกระทบขม่อมของกระผมอยู่
เหมือนบุรุษมีกำลังเอาของแหลมคมทิ่มขม่อมฉะนั้น  กระผมจึงทน  ไม่ไหว  เป็นไปไม่ไหว
ทุกขเวทนาของกระผมหนัก  กำเริบ  ไม่ทุเลา ปรากฏมีความกำเริบเป็นที่สุด  ไม่ปรากฏความทุเลาเลย ฯ
 [๗๒๔]  ข้าแต่พระสารีบุตรผู้เจริญ  ลมเหลือประมาณเวียนศีรษะกระผมอยู่  เหมือน
บุรุษมีกำลังให้การขันศีรษะด้วยชะเนาะมั่นฉะนั้น  กระผมจึงทน  ไม่ไหว  เป็นไปไม่ไหว  ทุกขเวทนา
ของกระผมหนัก  กำเริบ  ไม่ทุเลา  ปรากฏมีความกำเริบเป็นที่สุด  ไม่ปรากฏความทุเลาเลย  ฯ
 [๗๒๕]  ข้าแต่พระสารีบุตรผู้เจริญ  ลมเหลือประมาณปั่นป่วนท้องของกระผมอยู่  เหมือน
คนฆ่าโค  หรือลูกมือคนฆ่าโคผู้ฉลาดเอามีดแล่โคอันคมคว้าน  ท้อง  ฉะนั้น  กระผมจึงทนไม่ไหว
เป็นไปไม่ไหว  ทุกขเวทนาของกระผมหนักกำเริบ  ไม่ทุเลา  ปรากฏความกำเริบเป็นที่สุด  ไม่
ปรากฏความทุเลาเลย  ฯ
 [๗๒๖]  ข้าแต่พระสารีบุตรผู้เจริญ  ความร้อนในกายของกระผมเหลือประมาณ  เหมือน
บุรุษมีกำลัง  ๒  คน  จับบุรุษมีกำลังน้อยกว่าที่อวัยวะป้องกันตัวต่างๆ  แล้ว  นาบ  ย่าง  ในหลุม
ถ่านเพลิง  ฉะนั้นกระผมจึงทนไม่ไหว  เป็นไปไม่ไหว  ทุกขเวทนาของกระผมหนัก  กำเริบ
ไม่ทุเลา  ปรากฏความกำเริบเป็นที่สุด  ไม่ปรากฏความทุเลาเลย  ฯ
 [๗๒๗]  สา.  ดูกรคฤหบดี  เพราะฉะนั้นแล  ท่านพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า  เราจักไม่ยึด
มั่นจักษุ  และวิญญาณที่อาศัยจักษุจักไม่มีแก่เรา
	พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า  เราจักไม่ยึดมั่นโสต  และวิญญาณที่อาศัยโสตจักไม่มีแก่เรา
	พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า  เราจักไม่ยึดมั่นฆานะ  และวิญญาณที่อาศัยฆานะ  จักไม่มีแก่เรา
	พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า  เราจักไม่ยึดมั่นชิวหา  และวิญญาณที่อาศัยชิวหาจักไม่มีแก่เรา
	พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า  เราจักไม่ยึดมั่นกาย  และวิญญาณที่อาศัยกายจักไม่มีแก่เรา
	พึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า  เราจักไม่ยึดมั่นมโน  และวิญญาณที่อาศัยมโนจักไม่มีแก่เรา