พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/347/388      
      สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
      
     
 
    
        
          
            	พวกเทวดาชนะ พวกอสูรปราชัย แม้คราวนั้นขนลุกพองเช่นนี้ก็มิได้
	มี เทวดาทั้งหลายได้เห็นเหตุอะไร ซึ่งไม่เคยมีมา จึงพากันเบิกบาน
	เปล่งเสียงชมเชย ขับร้องประโคม ปรบมือ และฟ้อนรำกันอยู่
	เราขอถามท่านทั้งหลายผู้อยู่บนยอดเขาสิเนรุ ดูกรท่านผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย
	ขอท่านทั้งหลายจงช่วยขจัดความสงสัยของเราโดยเร็วเถิด ฯ
เทวดาทั้งหลายกล่าวว่า
	พระโพธิสัตว์ผู้เป็นรัตนะอันประเสริฐนั้น หาผู้เปรียบมิได้ได้เกิดแล้ว
	ในมนุษย์โลก เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและความสุขที่ป่าลุมพินีวันใน
	คามชนบทของเจ้าศากยะทั้งหลาย เพราะเหตุนั้น เราทั้งหลายจึงพากัน
	ยินดี เบิกบานอย่างเหลือเกินพระโพธิสัตว์นั้น เป็นอัครบุคคลผู้สูงสุด
	กว่าสรรพสัตว์ เป็นผู้องอาจกว่านรชน สูงสุดกว่าหมู่สัตว์ทั้งมวลเหมือน
	สีหะผู้มีกำลัง ครอบงำหมู่เนื้อบันลืออยู่ จักทรงประกาศธรรมจักร
	ที่ป่าอิสิปตนะ ฯ
	อสิตฤาษีได้ฟังเสียงที่เทวดาทั้งหลายกล่าวแล้วก็รีบลง (จากชั้นดาวดึงส์)
	เข้าไปยังที่ประทับของพระเจ้าสุทโธทนะ นั่งณ ที่นั้นแล้ว ได้ทูลถาม
	เจ้าศากยะทั้งหลายว่า พระกุมารประทับ ณ ที่ไหน แม้อาตมภาพ
	ประสงค์จะเฝ้า ลำดับนั้นเจ้าศากยะทั้งหลายได้ทรงแสดงพระกุมารผู้
	รุ่งเรือง เหมือนทองคำที่ปากเบ้าซึ่งนายช่างทองผู้เฉลียวฉลาดหลอมดี
	แล้ว ผู้รุ่งเรืองด้วยศิริ มีวรรณะไม่ทราม แก่อสิตฤาษี อสิตฤาษี
	ได้เห็นพระกุมารผู้รุ่งเรืองเหมือนเปลวไฟ เหมือนพระจันทร์อันบริสุทธิ์
	ซึ่งโคจรอยู่ในนภากาศ สว่างไสวกว่าหมู่ดาวเหมือนพระอาทิตย์พ้นแล้ว
	จากเมฆ แผดแสงอยู่ในสรทกาลก็เกิดความยินดีได้ปีติอันไพบูลย์
	เทวดาทั้งหลายกั้นเศวตฉัตรมีซี่เป็นอันมาก และประกอบด้วยมณฑล
	ตั้งพันไว้ในอากาศจามรด้ามทองทั้งหลายตกลงอยู่ บุคคลผู้ถือจามร
	และเศวตฉัตรย่อมไม่ปรากฏ ฤาษีผู้ทรงชฎาชื่อกัณหศิริ ได้เห็นพระ
	กุมารดุจแท่งทองบนผ้ากัมพลแดง และเศวตฉัตรที่กั้นอยู่บนพระเศียร