พระสุตตันตปิฎกไทย: 23/329/233
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
ผู้งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นฐานะแห่งความประมาท ย่อมสงบระงับภัยเวร
ด้วยประการอย่างนี้ อริยสาวกย่อมสงบระงับภัยเวร ๕ ประการนี้ ฯ
อริยสาวกเป็นผู้ประกอบด้วยโสตาปัตติยังคะ ๔ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย
อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้าว่า
แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ฯลฯเป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม ๑
เป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรมว่า พระธรรมอันพระผู้มีพระภาค
ตรัสดีแล้ว ฯลฯ อันวิญญูชนจะพึงรู้เฉพาะตน ๑ ประกอบด้วยความเลื่อมใสไม่หวั่นไหว
ในพระสงฆ์ว่า พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว ฯลฯ เป็นนาบุญของโลก
ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งไปกว่า ๑ เป็นผู้ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าพอใจ ไม่ขาด ไม่ทะลุไม่ด่าง
ไม่พร้อย เป็นไทย อันวิญญูชนสรรเสริญ อันตัณหาและทิฐิไม่ถูกต้องเป็นไปเพื่อสมาธิ ๑
อริยสาวกประกอบด้วยโสตาปัตติยังคะ ๔ ประการนี้ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในกาลใดแล อริยสาวกสงบระงับภัยเวร ๕ ประการนี้ และประกอบ
ด้วยโสตาปัตติยังคะ ๔ ประการนี้ ในกาลนั้น อริยสาวกนั้นหวังอยู่ พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเอง
ได้ว่า เราเป็นผู้มีนรกสิ้นแล้ว มีกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานสิ้นแล้ว มีเปรตวิสัยสิ้นแล้ว มีอบาย
ทุคติ และวินิบาตสิ้นแล้ว เราเป็นพระโสดาบัน มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้
เป็นเบื้องหน้า ฯ
จบสูตรที่ ๙
อาฆาตสูตรที่ ๑
[๒๓๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อาฆาตวัตถุ ๙ ประการนี้ ๙ ประการเป็นไฉน คือ บุคคล
ย่อมผูกความอาฆาตว่า คนโน้นได้ประพฤติสิ่งมิใช่ประโยชน์แก่เราแล้ว ๑ คนโน้นย่อมประพฤติ
สิ่งมิใช่ประโยชน์แก่เรา ๑ คนโน้นจักประพฤติสิ่งมิใช่ประโยชน์แก่เรา ๑ ย่อมผูกความอาฆาตว่า
คนโน้นได้ประพฤติสิ่งมิใช่ประโยชน์แก่คนที่รักที่ชอบใจของเราแล้ว ๑ คนโน้นย่อมประพฤติ