พระสุตตันตปิฎกไทย: 13/329/472 473
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
จะทรงเข้าพระทัยความข้อนั้นเป็นไฉน พราหมณ์ ... แพศย์ ... ศูทร ... ในโลกนี้ เมื่อฆ่าสัตว์
ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ มักโลภ
มีจิตพยาบาท เป็นมิจฉาทิฏฐิ เมื่อตายไป ก็พึงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกหรือมิใช่
หรือมหาบพิตรจะทรงมีความเข้าพระทัยในเรื่องนี้อย่างไร?
ข้าแต่พระกัจจานะผู้เจริญ ความจริง ถึงจะเป็นพราหมณ์ ... เป็นแพศย์ ... เป็นศูทรก็ดี
เมื่อฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ
มักโลภ มีจิตพยาบาท เป็นมิจฉาทิฏฐิ เมื่อตายไปก็พึงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
ข้าพเจ้ามีความเห็นในเรื่องนี้อย่างนี้. อนึ่ง ข้อนี้ข้าพเจ้าได้ฟังมาแต่พระอรหันต์ทั้งหลายก็เช่นนั้น.
[๔๗๒] ดีละๆ มหาบพิตร เป็นความดีที่มหาบพิตรมีความเข้าพระทัยข้อนี้อย่างนั้น
อนึ่ง เป็นความดีที่มหาบพิตรได้ทรงสดับข้อนี้มาแต่พระอรหันต์ทั้งหลาย ดูกรมหาบพิตร
มหาบพิตรจะทรงเข้าพระทัยความข้อนั้นเป็นไฉน ถ้าเมื่อเป็นเช่นนั้น วรรณสี่เหล่านี้เป็นผู้เสมอกัน
ทั้งหมดหรือมิใช่ หรือมหาบพิตรจะทรงมีความเข้าพระทัยในวรรณสี่เหล่านี้อย่างไร?
ข้าแต่พระกัจจานะผู้เจริญ แน่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ วรรณสี่เหล่านี้ ก็เป็นผู้เสมอกันหมด
ในวรรณสี่เหล่านี้ ข้าพเจ้าไม่เห็นจะต่างอะไรกัน.
[๔๗๓] ดูกรมหาบพิตร คำที่อาตมภาพกล่าวนี้ว่า วรรณที่ประเสริฐคือพราหมณ์เท่านั้น
วรรณอื่นเลว ... พราหมณ์เป็นทายาทของพรหม นั่นเป็นแต่คำโฆษณาในโลกเท่านั้น ดังนี้ บัณฑิต
พึงทราบโดยปริยายแม้นี้ ดูกรมหาบพิตร มหาบพิตรจะเข้าพระทัยความข้อนั้นเป็นไฉน กษัตริย์
ในโลกนี้ พึงเว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการลักทรัพย์ เว้นขาดจากการประพฤติผิดในกาม
เว้นขาดจากการพูดเท็จ เว้นขาดจากคำส่อเสียด เว้นขาดจากคำหยาบ เว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อ
ไม่มักโลภ มีจิตไม่พยาบาท เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อตายไป พึงเข้าถึงสุคติ โลก สวรรค์ หรือมิใช่
หรือมหาบพิตรจะทรงเข้าพระทัยในเรื่องนี้อย่างไร?
ข้าแต่พระกัจจานะผู้เจริญ ความจริง ถึงเป็นกษัตริย์ เมื่อเว้นขาดจากการฆ่าสัตว์
เว้นขาดจากการลักทรัพย์ เว้นขาดจากการประพฤติผิดในกาม เว้นขาดจากการพูดเท็จ เว้นขาด