พระสุตตันตปิฎกไทย: 23/327/231
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
ปัตติยังคะ ๑-๔ ประการ ในกาลนั้นอริยสาวกนั้นหวังอยู่ พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองว่า เราเป็น
ผู้มีนรกสิ้นแล้ว มีกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานสิ้นแล้ว มีเปรตวิสัยสิ้นแล้ว มีอบาย ทุคติและวินิบาต
สิ้นแล้วเราเป็นโสดาบัน มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า ฯ
อริยสาวกสงบระงับภัยเวร ๕ ประการเป็นไฉน ดูกรคฤหบดีบุคคลผู้มักฆ่าสัตว์ ย่อม
ประสบภัยเวรแม้ในปัจจุบัน แม้ในสัมปรายภพ และย่อมได้เสวยทุกข์โทมนัสทางใจ เพราะ
ปาณาติบาตเป็นปัจจัย อริยสาวกผู้งดเว้นจากปาณาติบาตย่อมไม่ประสบภัยเวรแม้ในปัจจุบัน
แม้ในสัมปรายภพ และไม่ได้เสวยทุกขโทมนัสทางใจ อริยสาวกผู้งดเว้นจากปาณาติบาต
ย่อมสงบระงับภัยเวรนั้นด้วยประการอย่างนี้ ดูกรคฤหบดี บุคคลผู้มักถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขา
ไม่ให้ ฯลฯผู้มักประพฤติผิดในกาม ฯลฯ ผู้มักพูดเท็จ ฯลฯ ผู้มักดื่มน้ำเมาคือ สุราและเมรัยอัน
เป็นฐานะแห่งความประมาท ย่อมประสบภัยเวรแม้ในปัจจุบัน แม้ในสัมปรายภพ และย่อม
เสวยทุกข์โทมนัสทางใจ เพราะดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นฐานะแห่งความประมาทเป็น
ปัจจัย อริยสาวกผู้งดเว้นจากการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นฐานะแห่งความประมาท ย่อม
ไม่ประสบภัยเวรแม้ในปัจจุบัน แม้ในสัมปรายภพ และย่อมไม่ได้เสวยทุกขโทมนัสทางใจ อริยสาวก
ผู้งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นฐานะแห่งความประมาท ย่อมสงบระงับภัยเวรนั้น
ด้วยอาการอย่างนี้ อริยสาวกสงบระงับภัยเวร ๕ ประการนี้ ฯ
อริยสาวกเป็นผู้ประกอบด้วยโสตาปัตติยังคะ ๔ ประการเป็นไฉน ดูกรคฤหบดี อริย
สาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้าว่า แม้
เพราะเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ... เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม ๑ ย่อม
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรมว่า พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัส
ดีแล้ว ... อันวิญญูชนจะพึงรู้ได้เฉพาะตน ๑ ย่อมประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวใน
พระสงฆ์ว่าพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว ... เป็นนาบุญของโลกไม่มี
นาบุญอื่นยิ่งกว่า ๑ ย่อมประกอบด้วยศีลอันพระอริยเจ้าพอใจ ไม่ขาด ไม่ทะลุไม่ด่าง ไม่พร้อย
เป็นไทย อันวิญญูชนสรรเสริญ อันตัณหาและทิฐิไม่ถูกต้องเป็นไปเพื่อสมาธิ ๑ อริยสาวก
เป็นผู้ประกอบด้วยโสตาปัตติยังคะ ๔ ประการนี้ ฯ