พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/324/368
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
จึงกล่าวบุคคลว่า เป็นนาค (ผู้ประเสริฐ)ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระองค์
อันข้าพระองค์ทูลถามแล้วขอจงตรัสพยากรณ์แก่ข้าพระองค์เถิด ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสพยากรณ์ว่า
ผู้ใดลอยบาปทั้งหมดแล้ว เป็นผู้ปราศจากมลทิน มีจิตตั้งมั่นดีดำรง
ตนมั่น ก้าวล่วงสงสารได้แล้ว เป็นผู้สำเร็จกิจ (เป็นผู้บริบูรณ์ด้วยคุณมี
ศีลเป็นต้น) ผู้นั้นอันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยแล้ว เป็นผู้คงที่ บัณฑิต
กล่าวว่าเป็นพราหมณ์ ผู้ใดมีกิเลสสงบแล้ว ละบุญและบาปได้แล้ว
ปราศจากกิเลสธุลีรู้โลกนี้และโลกหน้าแล้ว ล่วงชาติและมรณะได้
ผู้คงที่ เห็นปานนั้น บัณฑิตกล่าวว่าเป็นสมณะ ผู้ใดล้างบาป
ได้หมดในโลกทั้งปวง คือ อายตนะภายในและภายนอกแล้ว ย่อม
ไม่มาสู่กัปในเทวดาและมนุษย์ผู้สมควร ผู้นั้นบัณฑิตกล่าวว่าผู้ล้างบาป
ผู้ใดไม่กระทำบาปอะไรๆ ในโลก สลัดออกซึ่งธรรมเป็นเครื่องประกอบ
และเครื่องผูกได้หมด ไม่ข้องอยู่ในธรรมเป็นเครื่องข้องมีขันธ์เป็นต้น
ทั้งปวง หลุดพ้นเด็ดขาดผู้คงที่ เห็นปานนั้น บัณฑิตกล่าวว่า
เป็นนาค ฯ
[๓๖๘] ลำดับนั้น สภิยปริพาชก ฯลฯ ได้ทูลถามปัญหาข้อต่อไปกะพระผู้มี
พระภาคว่า
ท่านผู้รู้ทั้งหลายกล่าวใครว่าผู้ชนะเขต กล่าวบุคคลว่าเป็นผู้ฉลาดด้วย
อาการอย่างไร อย่างไรจึงกล่าวบุคคลว่าเป็นบัณฑิตและกล่าวบุคคล
ชื่อว่าเป็นมุนีด้วยอาการอย่างไร ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระองค์อัน
ข้าพระองค์ทูลถามแล้วขอจงตรัสพยากรณ์แก่ข้าพระองค์เถิด ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสพยากรณ์ว่า ดูกรสภิยะ
ผู้ใดพิจารณา (อายตนะหรือกรรม) เขตทั้งสิ้น คือ เขตที่เป็นของทิพย์
เขตของมนุษย์และเขตของพรหมแล้ว เป็นผู้หลุดพ้นจากเครื่องผูก
อันเป็นรากเง่าแห่งเขตทั้งหมด ผู้คงที่เห็นปานนั้น ผู้นั้นท่านผู้รู้
ทั้งหลายกล่าวว่าเป็นผู้ชนะเขต ผู้ใดพิจารณากะเปาะฟอง (กรรม) ทั้งสิ้น