พระสุตตันตปิฎกไทย: 23/32/32
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
เป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เทวดานั้นครั้นกล่าวดังนี้แล้ว ไหว้เรา
กระทำประทักษิณแล้ว หายไป ณ ที่นั้นเอง ฯ
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ท่านพระสารีบุตรได้กราบทูลว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ข้าพระองค์ย่อมรู้ทั่วถึงเนื้อความแห่งภาษิตที่พระองค์ตรัสแล้วโดยย่อนี้ โดยพิสดารอย่างนี้ว่า
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ตนเองเป็นผู้มีความเคารพในพระศาสดา กล่าวสรรเสริญความเป็นผู้เคารพ
ในพระศาสดา ชักชวนภิกษุเหล่าอื่นผู้ไม่มีความเคารพในพระศาสดาให้เคารพในพระศาสดา
และกล่าวสรรเสริญภิกษุผู้มีความเคารพในพระศาสดา ตามความเป็นจริง โดยกาลอันควรตนเอง
เป็นผู้เคารพในธรรม ฯลฯ ตนเองเป็นผู้มีความเคารพในสงฆ์ ฯลฯ ตนเองเป็นผู้มีความเคารพใน
สิกขา ฯลฯ ตนเองเป็นผู้มีความเคารพในสมาธิ ฯลฯ ตนเองเป็นผู้ว่าง่าย ฯลฯ ตนเองเป็นผู้มีมิตร
ดีงาม กล่าวสรรเสริญความเป็นผู้มีมิตรดีงามชักชวนภิกษุเหล่าอื่นผู้ไม่มีมิตรดีงาม ให้เป็นผู้มี
มิตรดีงาม และกล่าวสรรเสริญภิกษุเหล่าอื่นผู้มีมิตรดีงาม ตามความเป็นจริง โดยกาลอันควร
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ย่อมรู้ทั่วถึงเนื้อความแห่งภาษิตที่พระผู้มีพระภาคตรัสแล้วโดยย่อ
นี้ โดยพิสดารอย่างนี้ ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดีละ ดีละ สารีบุตร เธอรู้ทั่วถึงเนื้อความแห่งภาษิตที่เรา
กล่าวแล้วโดยย่อนี้ โดยพิสดารอย่างนี้ เป็นการดีแล ดูกรสารีบุตรภิกษุในธรรมวินัยนี้
ตนเองเป็นผู้มีความเคารพในพระศาสดา กล่าวสรรเสริญความเป็นผู้มีความเคารพในพระศาสดา
ชักชวนภิกษุเหล่าอื่นผู้ไม่มีความเคารพในพระศาสดา ให้เป็นผู้มีความเคารพในพระศาสดา และ
กล่าวสรรเสริญภิกษุเหล่าอื่นผู้มีความเคารพในพระศาสดา ตามความเป็นจริง โดยกาลอันควร
ตนเองเป็นผู้มีความเคารพในธรรม ฯลฯ ตนเองเป็นผู้มีความเคารพในสงฆ์ ฯลฯ ตนเองเป็นผู้มี
ความเคารพในสิกขา ฯลฯ ตนเองเป็นผู้มีความเคารพในสมาธิ ฯลฯตนเองเป็นผู้ว่าง่าย ฯลฯ
ตนเองเป็นผู้มีมิตรดีงาม กล่าวสรรเสริญความเป็นผู้มีมิตรดีงาม ชักชวนภิกษุเหล่าอื่นผู้ไม่มีมิตร
ดีงาม ให้เป็นผู้มีมิตรดีงาม และกล่าวสรรเสริญภิกษุเหล่าอื่นผู้มีมิตรดีงาม ตามความเป็นจริง
โดยกาลอันควร ดูกรสารีบุตร เธอพึงเห็นเนื้อความแห่งภาษิตที่เรากล่าวแล้วโดยย่อนี้ โดยพิสดาร
อย่างนี้ ฯ
จบสูตรที่ ๔