พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/32/45 46 47 48

สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
เล่ม 10
หน้า 32
หมู่สัตว์ที่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าวิปัสสีทรงตรวจดูด้วยพุทธจักษุ ทรงเห็นก็ฉันนั้นเหมือนกัน บางพวกมีกิเลสเพียงดังธุลีในจักษุน้อย บางพวกมีกิเลสเพียงดังธุลี ในจักษุมาก บางพวกมีอินทรีย์ แก่กล้า บางพวกมีอินทรีย์อ่อน บางพวกมีอาการดี บางพวก มีอาการทราม บางพวกจะพึงให้รู้แจ้งได้ง่าย บางพวกจะพึงให้รู้แจ้งได้ยาก บางพวกเป็นภัพพสัตว์ บางพวกเป็นอภัพพสัตว์ บางพวกมักเห็นปรโลกและโทษโดยความเป็นภัย ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล ท้าวมหาพรหมทราบพระปริวิตกในพระทัยของพระผู้มี พระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ด้วยใจ แล้วจึง ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ด้วยคาถาทั้งหลายความว่า
[๔๕] ผู้ที่ยืนอยู่ยอดภูเขาสิลาล้วน พึงเห็นประชุมชน ได้โดยรอบ ฉันใด ท่านผู้มีเมธาดีมีจักษุโดยรอบก็ฉันนั้นเหมือนกัน ขึ้นสู่ปราสาทอันสำเร็จ แล้วด้วย ธรรม เป็นผู้ปราศจากความเศร้าโศก ทรงพิจารณา เห็นประชุมชน ผู้เกลื่อนกล่นไปด้วยความเศร้าโศกถูกชาติและชราครอบงำแล้ว ข้าแต่ พระองค์ผู้กล้าผู้ชนะสงครามแล้ว เป็นนายพวก ปราศจากหนี้ ขอ พระองค์จงเสด็จลุกขึ้น เปิดเผยโลก ขอผู้มีพระภาคจงทรงแสดงธรรม ผู้ที่รู้ทั่วถึงธรรมได้ ยังจักมี ฯ
[๔๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อท้าวมหาพรหมนั้นได้กราบทูลแล้ว ดังนี้ พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี จึงได้ตรัสกะท้าวมหาพรหมนั้นด้วยพระคาถาว่า เราได้เปิดเผยประตูอมตะไว้สำหรับท่านแล้ว ผู้มีโสต จงปล่อยศรัทธามาเถิด ดูกรพรหม เรารู้สึกลำบาก จึงมิได้กล่าวธรรมอันประณีตซึ่งเราให้คล่อง แคล่วแล้ว ในหมู่มนุษย์ ดังนี้ ฯ
[๔๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล ท้าวมหาพรหมคิดว่าเราเป็นผู้มี โอกาส อัน พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ได้ทรง กระทำแล้ว เพื่อจะทรงแสดง ธรรม จึงถวายบังคมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี กระทำประทักษิณ แล้วหายไป ณ ที่นั้นเอง ฯ
[๔๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าวิปัสสี ทรงพระดำริว่า เราควรแสดงธรรมแก่ใครก่อน เล่าหนอ ใครจะรู้ทั่วถึงธรรมนี้