พระสุตตันตปิฎกไทย: 24/311/220
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
เป็นผู้บริบูรณ์ ผู้มีปัญญาย่อมเป็นผู้บริบูรณ์ ผู้มีปัญญาทรามย่อมไม่เป็นผู้บริบูรณ์ดูกรบพิตร
บพิตรทรงตั้งอยู่ในธรรม ๖ ประการนี้แล้ว พึงเข้าไปตั้งสติไว้ภายในในธรรม ๕ ประการ ดูกร
บพิตร ในธรรม ๕ ประการนี้ บพิตรพึงทรงระลึกถึงพระตถาคตว่า แม้ด้วยเหตุนี้ๆ พระผู้มี
พระภาคพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์ ...เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม ดูกรบพิตร
บพิตรพึงเข้าไปตั้งสติไว้ในภายใน ปรารภพระตถาคต ด้วยประการดังนี้แล ฯ
อีกประการหนึ่ง บพิตรพึงทรงระลึกถึงพระธรรมว่า พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดี
แล้ว ... อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน ดูกรบพิตร บพิตรพึงเข้าไปตั้งสติไว้ในภายใน ปรารภ
พระธรรมด้วยประการดังนี้แล ฯ
อีกประการหนึ่ง บพิตรพึงทรงระลึกถึงกัลยาณมิตรทั้งหลายว่า เป็นลาภของเราหนอ
เราได้ดีแล้วหนอ ที่เรามีกัลยาณมิตรผู้เอ็นดู ผู้ใคร่ประโยชน์ผู้กล่าวสอน ผู้พร่ำสอน ดูกร
บพิตร บพิตรพึงเข้าไปตั้งสติไว้ในภายใน ปรารภกัลยาณมิตรด้วยประการดังนี้แล ฯ
อีกประการหนึ่ง บพิตรพึงทรงระลึกถึงจาคะของตนว่า เป็นลาภของเราหนอ เราได้ดี
แล้วหนอ ที่เรามีจิตปราศจากมลทินคือความตระหนี่ มีจาคะอันปล่อยแล้ว มีฝ่ามืออันชุ่ม
ยินดีในการสละ ควรแก่การขอ ยินดีในการจำแนกทาน อยู่ครองเรือน ในหมู่สัตว์ผู้ถูกมลทิน
คือความตระหนี่ กลุ้มรุมแล้วดูกรบพิตร บพิตรพึงเข้าไปตั้งสติไว้ในภายใน ปรารภจาคะด้วย
ประการดังนี้แล ฯ
อีกประการหนึ่ง บพิตรพึงทรงระลึกถึงเทวดาทั้งหลายว่าเทวดาเหล่านั้นได้กล่าวล่วง
ความเป็นสหายแห่งเทวดาผู้มีคำข้าวเป็นภักษาแล้ว เข้าถึงกายอันสำเร็จด้วยใจอย่างใดอย่างหนึ่ง
เทวดาเหล่านั้นย่อมไม่พิจารณาเห็นกิจที่ควรทำของตนหรือการสั่งสมกิจที่ตนทำแล้ว ดูกรบพิตร
ภิกษุผู้เป็นอสมยวิมุตย่อมไม่พิจารณากิจที่ไม่ควรทำของตน หรือการสั่งสมกิจที่ทำแล้ว แม้ฉันใด
ดูกรบพิตร เทวดาเหล่าใด ก้าวล่วงซึ่งความเป็นสหายแห่งเทวดาผู้มีคำข้าวเป็นภักษา เข้าถึงกาย
อันสำเร็จด้วยใจอย่างใดอย่างหนึ่ง เทวดาเหล่านั้นย่อมไม่พิจารณาเห็นกิจที่ควรทำของตน หรือ
การสั่งสมกิจที่ตนทำแล้ว ฉันนั้นเหมือนกันแล ดูกรบพิตร บพิตรพึงเข้าไปตั้งสติไว้ในภายใน
ปรารภเทวดาทั้งหลาย ด้วยประการดังนี้แล ฯ
ดูกรบพิตร อริยสาวกผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๑ ประการนี้แล ย่อมละซึ่งอกุศลธรรม
ทั้งหลายอันลามก ย่อมไม่ถือมั่น ดูกรบพิตร หม้อที่คว่ำย่อมไม่กลับถูกต้องสิ่งที่คายแล้ว