พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/310/638 639 640      
      สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
      
     
 
    
        
          
            	      ๘.  อุทเทสวิภังคสูตร  (๑๓๘)
 [๖๓๘]  ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
	สมัยหนึ่ง  พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน  อารามของอนาถ บิณฑิกเศรษฐี
เขตพระนครสาวัตถี  สมัยนั้นแล  พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุ ทั้งหลายว่า  ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระดำรัสแล้ว  พระผู้มีพระภาคได้ตรัสอย่างนี้ว่า  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  เราจัก
แสดงอุเทสวิภังค์แก่เธอทั้งหลายพวกเธอจงฟังอุเทสวิภังค์นั้น  จงใส่ใจให้ดี  เราจักกล่าวต่อไป
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคว่า  ชอบแล้ว  พระพุทธเจ้าข้า  ฯ
 [๖๓๙]  พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่า  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ภิกษุพึงพิจารณาโดยอาการ
ที่เมื่อพิจารณาอยู่  ความรู้สึกไม่ฟุ้งไป  ไม่ซ่านไปภายนอก  ไม่ตั้งสงบอยู่ภายใน  และไม่พึงสะดุ้ง
เพราะไม่ถือมั่น  เมื่อความรู้สึกไม่ฟุ้งไป  ไม่ซ่านไปภายนอก  ไม่ตั้งสงบอยู่ภายในและไม่สะดุ้ง
เพราะไม่ถือมั่น  ย่อมไม่มีความเกิดแห่งชาติ  ชรา  มรณะ  ทุกข์  และสมุทัยต่อไป  พระผู้มี
พระภาคได้ตรัสพระภาษิตดังนี้  ครั้นแล้วพระองค์ผู้สุคตจึงเสด็จลุกจากอาสนะ  เข้าไปยังพระวิหาร  ฯ
 [๖๔๐]  ครั้นพระผู้มีพระภาคเสด็จไปแล้วไม่นาน  ภิกษุเหล่านั้นจึงได้มี  ข้อปรึกษากัน
อย่างนี้ว่า  ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย  พระผู้มีพระภาคทรงแสดงอุเทศโดยย่อแก่พวกเราว่า
 ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ภิกษุพึงพิจารณาโดยอาการที่เมื่อพิจารณาอยู่ความรู้สึกไม่ฟุ้งไป  ไม่ซ่านไป
ภายนอก  ไม่ตั้งสงบอยู่ภายใน  และไม่พึงสะดุ้งเพราะไม่ถือมั่น  เมื่อความรู้สึกไม่ฟุ้งไป
ไม่ซ่านไปภายนอก  ไม่ตั้งสงบอยู่ภายใน  และไม่สะดุ้งเพราะไม่ถือมั่น  ย่อมไม่มีความเกิด
แห่งชาติ  ชรา  มรณะ  ทุกข์และสมุทัยต่อไป  ดังนี้แล  มิได้ทรงจำแนกเนื้อความโดยพิสดาร
 ก็เสด็จเข้าไป  ยังพระวิหารแล้ว  ใครหนอแลจะพึงจำแนกเนื้อความแห่งอุเทศที่พระผู้มีพระภาค
ทรงแสดงโดยย่อนี้ให้พิสดารได้  ครั้งนั้นแล  ภิกษุเหล่านั้นได้มีความคิดอย่างนี้ว่า  ท่านพระ