พระสุตตันตปิฎกไทย: 23/309/218
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
ขอกรรมนั้นจงให้ผลแก่เรา ดังนี้ ได้หรือหนอ ท่านก็ตอบว่า ดูกรอาวุโส ไม่ใช่อย่างนี้ ดูกร
อาวุโส ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น บุคคลจะอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค เพื่อประโยชน์
อะไร ฯ
ส. ดูกรอาวุโส สิ่งใดแล ที่ยังไม่รู้ ไม่เห็น ไม่บรรลุ ไม่กระทำให้แจ้ง ไม่ตรัสรู้
บุคคลอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค เพื่อรู้เพื่อเห็น เพื่อบรรลุ เพื่อกระทำให้แจ้ง
เพื่อตรัสรู้สิ่งนั้น ดูกรอาวุโส สิ่งที่ยังไม่รู้ ไม่เห็น ไม่บรรลุ ไม่กระทำให้แจ้ง ไม่ตรัสรู้ว่า
นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัยนี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา บุคคลอยู่ประพฤติพรหมจรรย์
ในพระผู้มีพระภาค เพื่อรู้ เพื่อเห็น เพื่อบรรลุ เพื่อกระทำให้แจ้ง เพื่อตรัสรู้สิ่งนั้น ดูกรอาวุโส
สิ่งนี้แลที่ยังไม่รู้ ไม่เห็น ไม่บรรลุ ไม่กระทำให้แจ้ง ไม่ตรัสรู้บุคคลอยู่ประพฤติพรหมจรรย์
ในพระผู้มีพระภาค เพื่อรู้ เพื่อเห็น เพื่อบรรลุเพื่อกระทำให้แจ้ง เพื่อตรัสรู้ สิ่งนั้น ฯ
จบสูตรที่ ๓
สมิทธิสูตร
[๒๑๘] ครั้งนั้นแล ท่านพระสมิทธิเข้าไปหาท่านพระสารีบุตรถึงที่อยู่ อภิวาทแล้ว นั่ง
ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรได้ถามท่านพระสมิทธิว่า ดูกรท่านสมิทธิ วิตกอันเป็น
ความดำริของบุรุษ มีอะไรเป็นอารมณ์เกิดขึ้นท่านพระสมิทธิตอบว่า วิตกอันเป็นความดำริ
ของบุรุษ มีนามรูปเป็นอารมณ์เกิดขึ้นท่านผู้เจริญ ฯ
ส. ดูกรท่านสมิทธิ ก็วิตกอันเป็นความดำรินั้น ย่อมถึงความต่างกันในอะไร ฯ
ส. ในธาตุทั้งหลาย ท่านผู้เจริญ
สา. ดูกรท่านสมิทธิ ก็วิตกอันเป็นความดำรินั้น มีอะไรเป็นสมุทัย ฯ
ส. มีผัสสะเป็นสมุทัย ท่านผู้เจริญ ฯ
สา. ดูกรท่านสมิทธิ ก็วิตกอันเป็นความดำรินั้น มีอะไรเป็นที่ประชุมลง ฯ
ส. มีเวทนาเป็นที่ประชุมลง ท่านผู้เจริญ ฯ
สา. ดูกรท่านสมิทธิ ก็วิตกอันเป็นความดำรินั้น มีอะไรเป็นประมุข ฯ