พระสุตตันตปิฎกไทย: 23/306/217
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีล กระทำพอ
ประมาณในสมาธิ ในปัญญา บุคคลนั้นเป็นโกลังโกละ เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป ท่องเที่ยว
อยู่ ๒-๓ ตระกูล แล้วจะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ดูกรสารีบุตร นี้บุคคลจำพวกที่ ๘ ... ฯ
อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีล กระทำพอ
ประมาณในสมาธิ ในปัญญา บุคคลนั้นเป็นสัตตักขัตตุปรมโสดาเพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป
ท่องเที่ยวอยู่ยังเทวดาและมนุษย์ ๗ ครั้งเป็นอย่างยิ่งแล้วจะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ ดูกรสารีบุตร
นี้บุคคลจำพวกที่ ๙ ผู้เป็นสอุปาทิเสสะกระทำกาละ พ้นจากนรก พ้นจากกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน
พ้นจากเปรตวิสัยพ้นจากอบาย ทุคติ และวินิบาต ดูกรสารีบุตร อัญญเดียรถีย์ปริพาชก
บางพวกโง่เขลา ไม่ฉลาด อย่างไรจักรู้บุคคลผู้เป็นสอุปาทิเสสะว่า เป็นสอุปาทิเสสะหรือจักรู้
บุคคลผู้เป็นอนุปาทิเสสะว่า เป็นอนุปาทิเสสะ ดูกรสารีบุตร บุคคล๙ จำพวกนี้แล เป็น
สอุปาทิเสสะ กระทำกาละ พ้นจากนรก พ้นจากกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน พ้นจากเปรตวิสัย พ้น
จากอบาย ทุคติและวินิบาต ฯ
ดูกรสารีบุตร ธรรมปริยายนี้ ยังไม่แจ่มแจ้งแก่ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาก่อน
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะผู้ฟังธรรมปริยายที่เรากล่าวด้วยความอธิบายปัญหานี้แล้ว อย่าถึงความ
ประมาท ฯ
จบสูตรที่ ๓
โกฏฐิตสูตร
[๒๑๗] ครั้งนั้นแล ท่านพระมหาโกฏฐิตะเข้าไปหาท่านพระสารีบุตร ถึงที่อยู่ ได้ปราศรัย
กับท่านพระสารีบุตร ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้ว ได้ถามท่านพระสารีบุตรว่าดูกรอาวุโสสารีบุตร บุคคลอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ใน
พระผู้มีพระภาค เพื่อประโยชน์นี้ว่า กรรมใดที่ให้ผลในปัจจุบัน ขอกรรมนั้นจงให้ผลใน
สัมปรายภพแก่เรา ดังนี้ ได้หรือหนอ ฯ
ท่านพระสารีบุตรกล่าวว่า ดูกรอาวุโส ไม่ใช่อย่างนี้ ฯ