พระสุตตันตปิฎกไทย: 13/306/439 440
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
พระรัฐปาละแสดงธรรม
[๔๓๙] ครั้งนั้น ท่านพระรัฐปาละฉันเสร็จชักมือออกจากบาตรแล้วได้ยืนขึ้นกล่าวคาถา
เหล่านี้ว่า
จงมาดูอัตภาพอันวิจิตร มีกายเป็นแผล อันคุมกันอยู่
แล้ว กระสับกระส่าย เป็นที่ดำริของชนเป็นอันมาก ไม่มี
ความยั่งยืนมั่นคง จงมาดูรูปอันวิจิตรด้วยแก้วมณีและกุณฑล
มีกระดูกอันหนังหุ้มห่อไว้ งามพร้อมด้วยผ้า (ของหญิง) เท้า
ที่ย้อมด้วยสีแดงสด หน้าที่ไล้ทาด้วยจุรณ พอจะหลอกคนโง่
ให้หลงได้ แต่จะหลอกคนผู้แสวงหาฝั่งคือพระนิพพานไม่ได้
ผมที่แต่งงาม ตาที่เยิ้มด้วยยาหยอด พอจะหลอกคนให้หลง
ได้ แต่จะหลอกคนผู้แสวงหาฝั่งคือพระนิพพานไม่ได้ กายเน่า
อันประดับด้วยเครื่องอลังการ ประดุจทนานยาหยอดอันใหม่
วิจิตร พอจะหลอกคนโง่ให้หลงได้ แต่จะหลอกคนผู้แสวงหา
ฝั่งคือพระนิพพานไม่ได้ ท่านเป็นดังพรานเนื้อวางบ่วงไว้ แต่
เนื้อไม่ติดบ่วง เมื่อพรานเนื้อกำลังคร่ำครวญอยู่ เรากินแต่
อาหารแล้วก็ไป.
ครั้นท่านพระรัฐปาละยืนกล่าวคาถาเหล่านี้แล้ว จึงเข้าไปยังพระราชอุทยานมิคาจีระของ
พระเจ้าโกรัพยะ แล้วนั่งพักกลางวันอยู่ที่โคนไม้แห่งหนึ่ง.
[๔๔๐] ครั้งนั้น พระเจ้าโกรัพยะ ตรัสเรียกพนักงานรักษาพระราชอุทยานมาว่า ดูกร
มิควะ ท่านจงชำระพื้นสวนมิคาจีระให้หมดจดสะอาด เราจะไปดูพื้นสวนอันดี. นายมิควะทูลรับ
พระเจ้าโกรัพยะว่า อย่างนั้น ขอเดชะ แล้วชำระพระราชอุทยานมิคาจีระอยู่ ได้เห็นพระรัฐปาละ
ซึ่งนั่งพักกลางวันอยู่ที่โคนไม้แห่งหนึ่ง จึงเข้าไปเฝ้าพระเจ้าโกรัพยะ แล้วได้กราบทูลว่า ขอเดชะ
พระราชอุทยานมิคาจีระของพระองค์หมดจดแล้ว และในพระราชอุทยานนี้มีกุลบุตรชื่อ รัฐปาละ
ผู้เป็นบุตรแห่งตระกูลเลิศในถุลลโกฏฐิตนิคมนี้ ที่พระองค์ทรงสรรเสริญอยู่เสมอๆ นั้น เธอนั่ง
พักกลางวันอยู่ที่โคนไม้แห่งหนึ่ง.