พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/303/332

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เล่ม 25
หน้า 303
รอบโดยชอบในโลก ภิกษุใดไม่มีอนุสัย ถอนอกุศลมูลอะไรๆ ขึ้นได้ แล้ว ภิกษุนั้นไม่มีความหวัง ไม่มีตัณหา พึงเว้นรอบโดยชอบในโลก ภิกษุผู้สิ้นอาสวะ ละมานะได้แล้ว ก้าวล่วงธรรมชาติอันเป็นทางแห่ง ราคะได้หมด ฝึกฝนตน ดับกิเลสได้แล้ว มีจิตตั้งมั่น พึงเว้นรอบโดย ชอบในโลก ภิกษุผู้มีศรัทธาได้สดับแล้ว เห็นมรรค ไม่แล่นไปด้วย อำนาจทิฐิในสัตว์ทั้งหลายผู้ไปแล้วด้วยทิฐิ ภิกษุนั้นเป็นนักปราชญ์ กำจัดเสียซึ่งโลภะ โทสะ และปฏิฆะ พึงเว้นรอบโดยชอบในโลก ภิกษุนั้นชนะกิเลสด้วยอรหัตมรรคอันหมดจดดี มีกิเลสดุจหลังคาเปิด แล้ว มีความชำนาญในธรรมทั้งหลาย ถึงนิพพาน ไม่มีความหวั่นไหว ฉลาดในญาณอันเป็นที่ดับสังขาร พึงเว้นรอบโดยชอบในโลก ภิกษุล่วง ความกำหนดว่าเราว่าของเรา ในปัญจขันธ์ทั้งที่เป็นอดีตทั้งที่เป็น อนาคต มีปัญญาบริสุทธิ์ก้าวล่วงทั้ง ๓ กาล หลุดพ้นแล้วจากอายตนะ ทั้งปวง พึงเว้นรอบโดยชอบในโลกภิกษุผู้รู้บทแห่งสัจจะทั้งหลาย ตรัสรู้ธรรม เห็นการละอาสวะทั้งหลายเป็นวิวฏะ (นิพพาน) ไม่ข้อง อยู่ในภพไหนๆเพราะความหมดสิ้นไปแห่งอุปธิทั้งปวง พึงเว้นรอบ โดยชอบในโลก ฯ พระพุทธนิมิตตรัสพระคาถาว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้อนี้เป็นอย่างนั้นแน่แท้ทีเดียว ภิกษุใดมีปรกติ อยู่อย่างนี้ ฝึกฝนตนแล้ว ล่วงธรรมเป็นที่ตั้งแห่งสังโยชน์ทั้งปวง ภิกษุ นั้นพึงเว้นรอบโดยชอบในโลก ฯจบสัมมาปริพพาชนิยสูตรที่ ๑๓ ธรรมิกสูตรที่ ๑๔
[๓๓๒] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้