พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/302/331

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เล่ม 25
หน้า 302
สัมมาปริพพาชนิยสูตรที่ ๑๓ พระพุทธนิมิตตรัสถามด้วยพระคาถาว่า
[๓๓๑] เราขอถามมุนีผู้มีปัญญามาก ผู้ข้ามถึงฝั่ง ปรินิพพานแล้วดำรงตนมั่น ภิกษุนั้นบรรเทากามทั้งหลายแล้ว พึงเว้นรอบโดยชอบในโลกอย่างไร ฯ พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ภิกษุใด ถอนการถือความเกิด ความฝันและลักษณะว่าเป็นมงคลขึ้นได้ แล้ว ภิกษุนั้นละมงคลอันเป็นโทษได้แล้วพึงเว้นรอบโดยชอบในโลก ภิกษุพึงนำเสียซึ่งความกำหนัดในกามทั้งหลาย ทั้งที่เป็นของมนุษย์ ทั้ง ที่เป็นของทิพย์ภิกษุนั้นตรัสรู้ธรรมแล้ว ก้าวล่วงภพได้แล้ว พึงเว้น รอบโดยชอบในโลก ภิกษุกำจัดคำส่อเสียดแล้ว พึงละความโกรธ ความ ตระหนี่ ภิกษุนั้นละความยินดีและความยินร้ายได้แล้ว พึงเว้นรอบโดย ชอบในโลก ภิกษุละสัตว์และสังขารอันเป็นที่รักและไม่เป็นที่รักแล้ว ไม่ถือมั่น อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยแล้วในภพไหนๆ หลุดพ้นแล้ว จากธรรมเป็นที่ตั้งแห่งสังโยชน์ พึงเว้นรอบโดยชอบในโลกภิกษุนั้น กำจัดเสียแล้วซึ่งความกำหนัดด้วยอำนาจแห่งความพอใจในความยึดถือ ทั้งหลาย ย่อมไม่เห็นความเป็นสาระในอุปธิทั้งหลาย ภิกษุนั้นผู้อัน ตัณหาและทิฐิไม่อาศัยแล้วอันใครๆ พึงนำไปไม่ได้ พึงเว้นรอบโดย ชอบในโลกภิกษุนั้นไม่ผิดพลาดด้วยวาจาใจและการงานแล้ว รู้แจ้ง แล้วซึ่งธรรมโดยชอบ ปรารถนาบทคือนิพพานอยู่ พึงเว้นรอบโดยชอบ ในโลก ภิกษุใดประสบอยู่ ไม่พึงยึดถือว่าเราแม้ถูกด่าก็ไม่พึงผูกโกรธ ได้โภชนะที่ผู้อื่นให้แล้วไม่พึงประมาทมัวเมา ภิกษุนั้นพึงเว้นรอบโดย ชอบในโลกภิกษุละความโลภและภพแล้ว งดเว้นจากการตัดและการ จองจำสัตว์อื่น ข้ามพ้นความสงสัย ไม่มีกิเลสดุจลูกศรพึงเว้นรอบ โดยชอบในโลก ภิกษุรู้แจ้งความปฏิบัติอันสมควรแก่ตน และรู้แจ้ง ธรรมตามความเป็นจริงแล้ว ไม่พึงเบียดเบียนสัตว์ไรๆ ในโลก พึงเว้น