พระสุตตันตปิฎกไทย: 23/294/210

สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
เล่ม 23
หน้า 294
เสวนาสูตร
[๒๑๐] ณ ที่นั้นแล ท่านพระสารีบุตรเรียกภิกษุทั้งหลาย ฯลฯ ท่านพระสารีบุตรได้ กล่าวว่า ดูกรอาวุโสทั้งหลาย แม้บุคคลก็พึงทราบโดยส่วน ๒ คือควรเสพก็มี ไม่ควรเสพก็มี แม้จีวรก็ควรทราบโดยส่วน ๒ คือ ควรเสพก็มีไม่ควรเสพก็มี แม้บิณฑบาตก็ควรทราบโดย ส่วน ๒ คือ ควรเสพก็มี ไม่ควรเสพก็มี แม้เสนาสนะก็พึงทราบโดยส่วน ๒ คือ ควรเสพก็มี ไม่ควรเสพก็มีแม้คามนิคมก็พึงทราบโดยส่วน ๒ คือ ควรเสพก็มี ไม่ควรเสพก็มี แม้ชนบท และประเทศก็พึงทราบโดยส่วน ๒ คือ ควรเสพก็มี ไม่ควรเสพก็มี ฯ ก็คำที่เรากล่าวว่า ดูกรอาวุโสทั้งหลาย แม้บุคคลก็พึงทราบโดยส่วน ๒ คือ ควรเสพ ก็มี ไม่ควรเสพก็มี นั้นเราอาศัยอะไรกล่าวแล้ว ในบุคคล ๒จำพวก พึงรู้บุคคลใดว่า เมื่อ เราเสพบุคคลนี้ อกุศลธรรมย่อมเจริญ กุศลธรรมย่อมเสื่อม บริขารแห่งชีวิตเหล่าใดแล คือ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร อันเราผู้เป็นบรรพชิตพึงรวบรวมไว้ บริขารแห่งชีวิตเหล่านั้นย่อมเกิดขึ้นได้โดยยาก และเราออกบวชเป็นบรรพชิตเพื่อประโยชน์แห่ง ความเป็นสมณะใด ประโยชน์แห่งความเป็นสมณะของเรานั้น ย่อมไม่ถึงความบริบูรณ์ด้วยภาวนา ดูกรอาวุโสทั้งหลาย บุคคลนั้นรู้ในกลางคืน ก็ไม่ต้องลาพึงหลีกไปเสียในกลางคืน หรือรู้ใน กลางวัน ก็ไม่ต้องลา พึงหลีกไปเสียในกลางวัน ไม่พึงติดตามบุคคลนั้น พึงรู้บุคคลใดว่า เมื่อเราเสพบุคคลผู้นี้ อกุศลธรรมย่อมเสื่อม กุศลธรรมย่อมเจริญ ก็แลบริขารแห่งชีวิตเหล่าใด คือ จีวรบิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร อันเราผู้เป็นบรรพชิตพึงรวบรวมไว้ บริขารแห่งชีวิตเหล่านั้นย่อมเกิดขึ้นโดยไม่ยาก และเราออกบวชเป็นบรรพชิต เพื่อประโยชน์ แห่งความเป็นสมณะใด ประโยชน์แห่งความเป็นสมณะของเรานั้น ย่อมถึงความบริบูรณ์ด้วย ภาวนา ดูกรอาวุโสทั้งหลาย บุคคลนั้นรู้แล้วพึงติดตามไปจนตลอดชีวิต ไม่พึงหลีกเลี่ยงไป เสีย พึงรู้บุคคลใดว่า เมื่อเราเสพบุคคลนี้ อกุศลธรรมย่อมเสื่อม กุศลธรรมย่อมเจริญ และ บริขารแห่งชีวิตเหล่าใดคือ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร อันเรา ผู้เป็นบรรพชิตพึงรวบรวมไว้ บริขารแห่งชีวิตเหล่านั้น ย่อมเกิดขึ้นโดยไม่ยาก และเราออกบวช เป็นบรรพชิตเพื่อประโยชน์แห่งความเป็นสมณะใด ประโยชน์แห่งความเป็นสมณะของเรานั้น ย่อมถึงความบริบูรณ์ด้วยภาวนา ดูกรอาวุโสทั้งหลาย บุคคลนั้นแม้ถูกขับไล่ก็พึงติดตามบุคคลนั้น