พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/291/322

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เล่ม 25
หน้า 291
สูงสุด) ธรรมเครื่องอยู่อันสูงสุด ถึงแม้บุคคลออกบวชเป็นบรรพชิต ถ้าบุคคลนั้นเป็นชาติปากกล้ายินดีแล้วในความเบียดเบียนดุจเนื้อไซร้ ความเป็นอยู่ของบุคคลนั้นเลวทราม ย่อมยังกิเลสธุลีมีราคะเป็นต้น ของตนให้เจริญ ภิกษุผู้ยินดีแล้วในความทะเลาะ ถูกธรรมคือโมหะ หุ้มห่อแล้ว ย่อมไม่รู้ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว แม้อันเหล่า ภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รักบอกแล้ว ภิกษุผู้ถูกอวิชชาหุ้มห่อแล้ว ทำตนที่ อบรมแล้วให้ลำบากอยู่ ย่อมไม่รู้ความเศร้าหมอง ย่อมไม่รู้ทางอัน ให้ถึงนรก เมื่อไม่รู้ก็เข้าถึงวินิบาต เข้าถึงครรภ์จากครรภ์ เข้าถึงที่ มืดจากที่มืด ภิกษุผู้เช่นนั้นแล ละไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความทุกข์ ก็บุคคลใดผู้มีการงานเศร้าหมองเห็นปานนี้ตลอดกาลนาน พึงเป็นผู้เต็ม แล้วด้วยบาป เหมือนหลุมคูถที่เต็มอยู่นานปี พึงเป็นหลุมเต็มด้วยคูถ ฉะนั้น บุคคลนั้นเป็นผู้มีกิเลสเครื่องยียวนหมดจดได้โดยยาก ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงรู้จักบุคคลผู้อาศัยเรือน ผู้มีความปรารถนา ลามก ผู้มีความดำริลามก ผู้มีอาจาระและโคจรลามกเห็นปานนี้ เธอทั้งปวงพึงเป็นผู้พร้อมเพรียงกันเว้นบุคคลนั้นเสีย จงกำจัดบุคคล ผู้เป็นเพียงดังแกลบ จงคร่าบุคคลผู้เป็นเพียงดังหยากเยื่อออกเสีย แต่นั้นจงขับบุคคลลีบผู้ไม่ใช่สมณะแต่มีความสำคัญว่าเป็นสมณะ ไปเสีย ครั้นกำจัดบุคคลผู้มีความปรารถนาลามก มีอาจาระและโคจร ลามกออกไปแล้ว เธอทั้งหลายผู้บริสุทธิ์แล้ว มีความเคารพกันและกัน จงสำเร็จการอยู่ร่วมด้วยบุคคลผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย แต่นั้น เธอทั้งหลาย ผู้พร้อมเพรียงกัน มีปัญญาเครื่องรักษาตน จักกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ ฯ จบธรรมจริยสูตรที่ ๖ พราหมณธรรมิกสูตรที่ ๗
[๓๒๒] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของท่านอนาถ บิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล พราหมณ์มหาศาลชาวแคว้นโกศลเป็นอันมาก